เปิดประวัติ ‘ทิม พิธา‘ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ดีกรีนักเรียนทุนม.ฮาร์วาร์ดคนแรกของไทย เจาะลึกชีวิต ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จากการ เลือกตั้ง 66 หลังได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนไปอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
เปิดประวัติและผลงาน ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ทิม มีชื่อจริงว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2523 ปัจจุบันอายุ 42 ปี เป็นลูกชายคนโตของนางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ทำหน้าที่เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยทิมมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ ของ ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และตามใจ ขำภโต อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย
ด้านการศึกษาทิม พิธา ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นมัธยมตอนต้น ก่อนจะย้ายไปเรียนไกลถึงประเทศนิวซีแลนด์ โดยทิมเคยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะตอนนั้นเขามีนิสัยเกเร แต่เมื่อไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ ก็ปรับตัวได้ โดยแบ่งเวลาให้ตัวเองได้เรียนและทำงานไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า เคยทำมาแล้วทั้งงานส่งนม พาร์ทไทม์ขายของ และปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์
หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่นิวซีแลนด์ ทิม พิธา ก็ได้กลับไทยมาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สาขาการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทิมเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ก่อนจะมีโอกาสได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ทั้งนี้ ทิม พิธา เป็นนักศึกษาไทยคนแรกที่ได้รับทุน International Student ของ Kennedy School of Government ของฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทิม พิธา ได้ปิดท้ายชีวิตการเรียนด้วย ปริญญาโทใบสุดท้ายจากคณะบริหารธุรกิจ Sloan, Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านชีวิตครอบครัว ทิม พิธา ได้แต่งงานกับนักแสดงสาวชื่อดัง ‘ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ’ เมื่อปี 2555 ก่อนจะหย่าขาดกันในปี 2561 โดยมีบุตรสาวร่วมกัน 1 คน ชื่อว่า พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์
ทิม พิธา ปลดหนี้ 100 ล้าน พลิกธุรกิจครอบครัวสู่ระดับโลก
ครอบครัวของ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีกิจการชื่อ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำการผลิตผลิตผลทางการเกษตร อย่างน้ำมันรำข้าวดิบและรำข้าวสกัดไขมัน โดยทิมได้นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท พร้อมกับร่ำเรียนปริญญาโท 2 ใบไปพร้อมกัน (คณะการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ คณะบริหารธุรกิจ M.I.T.)
ทิมเล่าว่าเขาทราบในงานศพของพ่อ ว่าธุรกิจที่บ้านมีหนี้กว่าร้อยล้านบาท แต่เขาไม่ได้มีความคิดจะปิดกิจการเนื่องจากนี่คืองานที่คุณพ่อรัก โดยทิมใช้วิธีแก้ปัญหาทีละข้อในเวลาที่จำกัด เรียงลำดับความสำคัญของปัญหา ซึ่งมีด้วยกันหลายอย่างทั้งหนี้สิน และปัญหาเครื่องจักรที่ใช้งานไม่ได้
ทิมเริ่มต้นการบริหารด้วยหลักการฮาร์วาร์ดผสมสำเพ็ง หรือการเปิดกว้างแบบตะวันตกแต่อ่อนโยนแบบตะวันออก ทิมเล่าว่าเขายึดมั่นให้ครอบครัวแข็งแรงเพื่อให้ตัวเองทำงานได้เต็มที่ ก่อนจะเริ่มเรียกความเชื่อมั่นจากคนในองค์กรให้กลับมาอีกครั้ง จากนั้นช่วยกันทำให้เครื่องจักรกลับมาทำงานได้ เพื่อผลิตสินค้า เมื่อซัพพลายเออร์เชื่อมั่น เขาก็สามารถขอเงินกู้จากธนาคารได้อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ทิมบริหารเพียงแค่ 3 เดือน บริษัทก็สามารถค้าขายกับญี่ปุ่น จนสร้างรายได้ทะลุกว่าพันล้านภายในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ถือเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวดิบยักษ์ใหญ่อันดับที่ 3 ของไทย และอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว (อ้างอิงข้อมูลเมื่อปี 2560)
เส้นทางการเมือง ทิม พิธา แคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ทิม พิธา เคยช่วยงานการเมืองมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยทิมได้ทำงานในกระทรวงพาณิชย์ในตำแหน่งผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2546 และร่วมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในปี 2555
จากนั้นในปี 2561 ทิมก็ได้กลับเข้ามาในแวดวงการเมืองอีกครั้ง ด้วยการร่วมเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้แกนนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยทิมได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกที่ลงเลือกตั้ง ทั้งยังได้รับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่อีกด้วย
ทว่าในปี 2563 พรรคอนาคตใหม่ได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ทิม พิธาจึงได้ย้ายไปจัดตั้งพรรคใหม่ในนาม พรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยทิม พิธา รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ชัยชนะของพรรคก้าวไกล และว่าที่นายก พิธา
สำหรับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนชาวไทยไปอย่างถล่มทลาย โดยจากการนับคะแนนพบว่า พรรคก้าวไกลสามารถเอาชนะแบบแลนด์สไลด์ไปได้ในหลายจังหวัด อาทิ สมุทรปราการ นนทบุรี ภูเก็ต จันทบุรี ระยอง ตราด สมุทรสาคร ลำปาง รวมไปถึงกรุงเทพมหานครที่ได้รับชัยชนะไปมากถึง 32 เขต จากทั้งหมด 33 เขตการเลือกตั้ง
ทั้งนี้จากคะแนนรวมล่าสุดพบว่า พรรคก้าวไกลที่นำโดยพิธา ได้เก้าอี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ไปทั้งสิ้น 150 ที่นั่ง มากเป็นอันดับหนึ่งจากการเลือกตั้ง 2566 โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ส.ส. แบ่งเขต 112 ที่นั่ง และ ส.ส. บัญชีรายชื่อจำนวน 38 ที่นั่ง
จากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ พิธา ขึ้นแท่นเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยในทันที โดยต้องจับตามองกันต่อไปว่า พรรคก้าวไกลจะจับมือกับพรรคไหนเพื่อก่อตั้งรัฐบาลใหม่ และจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่เร็ว ๆ นี้.
ภาพจาก พรรคก้าวไกล – Move Forward Party / tim_pita
