ข่าวไลฟ์สไตล์

เปิดที่มา ‘โนโรไวรัส’ ต้นเหตุโรคระบาด ป้องกันอย่างไร ไม่ให้ท้องเสีย

ช่วงฤดูหนาวก่อนย่างเข้าฤดูร้อนของประเทศไทย มักเป็นช่วงที่มักจะมีการแพร่ระบาดของ โนโรไวรัส (Norovirus) ต้นเหตุอาการท้องเสีย ซึ่งช่วงต้นปี 2566 เช่นนี้ ไวรัสตัวนี้ก็กลับมาระบาดอีกแล้ว ไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นแต่ผู้ใหญ่ก็สามารถป่วยด้วยเชื้อไวรัสตัวนี้ได้เช่นกัน วันนี้เราจะชวนคุณมาทำความรู้จัก เปิดที่มาของเจ้าไวรัสโนโร รู้ก่อนลดโอกาสป่วยได้มากกว่า

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย พบได้ทั้งในเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นสาเหตุการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ แพร่กระจายได้รวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่แออัด ไม่ถ่ายเท เช่น โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม บ้านพักคนชรา รวมถึงในช่วงอากาศเย็นหรือฤดูหนาว และยังทนทานต่อความร้อนสูงถึง 60 องศาเซลเซียส รวมถึงน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอลล์อีกด้วย

โนโรไวรัส

โนโรไวรัส แพร่กระจายทางใดบ้าง

เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ในชีวิตประจำวันผ่านการสัมผัส ดังนี้

  • การรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ อาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น หอย
  • การรับประทานผักและผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด
  • การสัมผัสเชื้อจากผู้ป่วยโดยตรง เช่น อาเจียน อุจจาระ ของผู้ป่วย แล้วนำนิ้วเข้าปากโดยเฉพาะในเด็ก
  • การสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้ออยู่

โนโรไวรัส

อาการที่พบเมื่อติดเชื้อโนโรไวรัส

เมื่อติดเชื้อ ผู้ป่วยมักจะมีอาการภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อไวรัส โดยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง อาจมีไข้ต่ำ ๆ บางรายมีไข้สูงถึง 38-39 องศาเซลเซียส ปวดหัว และปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย โดยอาการที่สังเกตได้ชัดคือท้องเสียและอาเจียน อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ

ปกติแล้วหลังจากได้รับเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเด็กเล็กได้รับเชื้อก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำ นำไปสู่ภาวะช็อก และถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของผู้ป่วยแต่ละราย

โนโรไวรัส

วิธีป้องกันและรักษาการติดเชื้อโนโรไวรัส

สาเหตุของการเกิดเชื้อโนโรไวรัสยังไม่ทราบแน่ชัด รวมถึงยังไม่มียารักษาไวรัสตัวนี้โดยเฉพาะ จะเป็นการดูแลตามอาการ สำหรับวิธีรักษาเบื้องต้นเมื่อติดเชื้อไวรัสโนโรคือ การดื่มน้ำเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อทดแทนการเสียน้ำของร่างกาย

สำหรับวิธีการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโนโร สามารถทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • ล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหาร เป็นเวลา 20 วินาที
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย
  • เมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ควรใช้ช้อนกลาง และควรล้างภาชนะที่ใช้รับประทานให้สะอาดอยู่เสมอ
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ติดเชื้อ
  • หากเด็กติดเชื้อ ผู้ปกครองควรงดให้บุตรหลานของท่านไปโรงเรียน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปสู่เด็กคนอื่น

Ronovirus

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ขอนแก่น

Lalita C.

นักเขียนคอนเทนต์ SEO แห่งทีมไทยเกอร์ไทย คลุกคลีกับการเขียนตั้งแต่สมัยเรียน ชอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ติดตามข่าวสารจากโลกออนไลน์ นำมาสรุป เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองน่าสนใจที่คนมักจะมองข้าม ทั้งข่าวบันเทิง บทความ งานเขียนแนวไลฟ์สไตล์ รวมถึงทุกอย่างที่อยากให้นักอ่านได้รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button