ตะวัน-แบม ยังน่าห่วง ยืนกรานไม่รับการรักษา ขอจิบน้ำเท่านั้น
เผยอาการล่าสุด ตะวัน แบม เหนื่อย แสบ ปวดท้อง หายใจถี่ ค่าน้ำตาลต่ำ แต่ยันเสียงแข็งยังสู้ต่อ ไม่รับการรักษาขอแค่จิบน้ำพอ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผย คำชี้แจงกรณี ตะวัน ทานตะวัน และ แบม อรวรรณ สองเยาวนชนที่ออกมาเรียกร้องทางการเมืองด้วยการอดอาหารประท้วง ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566” โดยระบุเนื้อหา ดังนี้
ในวันนี้ทนายความได้เข้าเยี่ยมตะวันและแบม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในช่วงบ่ายของวัน จากการพูดคุยทนายความได้ทราบว่า ตะวันมีอาการจุกอกเนื่องจากแสบท้องและมีอาการปวดท้องหนักกว่าวันที่ผ่านๆ มา หายใจถี่ขึ้น ไม่ทั่วท้อง และมีเลือดกำเดาออกมาเมื่อคืน
โดยตะวันได้เล่าว่า รู้สึกเหนื่อยมากๆ แบบอธิบายไม่ได้ และตอนที่มีคนมาเยี่ยมก็ลุกไม่ไหวแล้ว จึงลุกนั่งขึ้นมาคุยไม่ได้ ซึ่งค่าน้ำตาลของตะวันขณะนี้คือ 63 ตอนนี้ค่าน้ำตาลที่วัดได้จะขึ้นไม่ถึง 70 เลย หมอได้ขอให้พยาบาลมาตรวจบ่อยๆ พร้อมกับคอยมอนิเตอร์ตลอดเวลา เพราะถ้าค่าน้ำตาลต่ำลงไปกว่านี้ อาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นหมดสติได้
นอกจากนี้มีพี่พยาบาลเอาลูกอมมาให้ ตะวันเล่าว่า ได้รับมาเพื่อให้หมอสบายใจ แต่ตะวันจะไม่กิน เธอยังเล่าต่อไปอีกว่า คุณหมอบอกว่า ถ้าหมดสติไป หากฟื้นขึ้นมาสมองอาจจะทำงานได้ไม่เท่าเดิม เพราะสมองเอาน้ำตาลไปเป็นอาหาร ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตะวันรู้สึกเครียดมากๆ เพราะตะวันเป็นคนคิดเลขเร็ว
ส่วนแบมได้แจ้งว่า ตอนนี้จะนอนหลับยากมากๆ และเมื่อนอนหลับไปแล้วก็จะตื่นเป็นระยะๆ อยู่ตลอด เพราะไม่สบายตัวเลย โดยทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาแบมจะพยายามบอกตัวเองให้ตั้งสติก่อน และทุกการเคลื่อนไหวตอนนี้ทำให้แบมมีอาการวิงเวียนตลอดเวลา รู้สึกเวียนหัวและตัวโคลงเคลง นอกจากนี้แล้วตอนยืนแปรงฟันก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อของตัวเองเกร็งมากเหมือนเป็นตะคริว โดยในวันนี้ค่าโพแทสเซียมของแบมอยู่ในเกณฑ์ปกติค่อนไปทางต่ำ และพรุ่งนี้หมอจะมาทำการตรวจอีกครั้ง
แบม เล่าว่า เวลามีคนมาเยี่ยมจะรู้สึกเหนื่อยมากๆ แต่ก็พยายามที่จะทำตัวแอ็กทีฟและชวนพวกเขาคุย
แบม ยังพูดถึงกรณีที่พิ้งกี้ได้ถอดกำไล EM ว่า “หนูรู้สึกแย่มาก ทำไมพิ้งกี้ได้ถอดกำไล EM หนูเคยไปขอถอดกำไล EM เพราะทำงานไม่ได้ แล้วหนูไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเข้าทำงาน แล้วทำไมพิ้งกี้ศาลอนุญาตให้ถอดได้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องงานเหมือนกัน
ทั้งคู่เล่าว่า เมื่อวานมีรัฐมนตรีมาหาและบอกว่า “จะเอาข้อเรียกร้องไปใส่ในยุทธศาสตร์ที่นายกฯ เป็นประธาน ตราบใดที่ผมยังดำรงตำแหน่งอยู่ ผมจะทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น อยากให้รับการรักษาก่อน”
โดยตะวันได้บอกว่า “หนูยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่รับการรักษาและจะจิบแค่น้ำเท่านั้น” และหากรัฐมนตรีจะทำประการใดให้ทำไปได้เลยไม่ต้องสัญญา หลังจากนั้นทั้งคู่จะพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ จากการสังเกตพบว่าจากการพูดคุย “ตะวัน” มีการตอบสนองช้ากว่าปกติ