ข่าวข่าวภูมิภาค

ไทม์ไลน์ตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ พบใช้เวลา 4 ชม. ก่อนตรวจเลือด!

เปิด ไทม์ไลน์ตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ พบใช้เวลา 4 ชม. ก่อนตรวจเลือด องค์การอนามัยโลกชี้ 4 ชั่วโมง ปริมาณแอลกอฮอลล์ลดลงครึ่งนึง

จากกรณีที่รถเบนท์ลีย์ชนบนทางด่วนเฉลิมนครสุข สวัสดิ์ – ดินแดง ทำให้มีผู้โดยสารรถปาเจโร่ 6 คน ได้รับบาดเจ็บ ก่อนชนเข้ากับรถกระบะของเจ้าหน้าที่ อปพร. จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 2 ราย รวม 8 รายดังที่มีรายงานก่อนหน้านี้

ล่าสุดผลตรวจเลือดของ นายสุทัศน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ พบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ มีปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดประมาณแค่กว่า 10 มิลลิกรัมฯ ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมฯ ซึ่งตามกฎหมายไทย ผลตรวจแอลกอฮอลล์จากลมหายใจมีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา

จากการตรวจสอบไทม์ไลน์การตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์พบว่าอุบัติเหตุ รถเบนท์ลีย์ชนปาเจโร่ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.35 น. และในเวลา 1.44 น. มีคลิปปรากฎว่า นายสุทัศน์อยู่ในรถแท็กซี่ คาดว่าหลบหนี เวลา 1.51 น. แท็กซี่ นำตัวนายสุทัศน์ไปส่งที่ สน.ทางด่วน 1

1 ชั่วโมงให้หลังหรือเวลา 2.52 น. นายสุทัศน์นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งและพยายามใช้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคน ก่อนที่เขาจะเข้ารับการตรวจเลือด 4.35 น. และออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจ 5.30 น.

ก่อนหน้านี้ นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือแห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้านป้องกันอุบัติเหตุ กล่าวว่า โดยปกติแอลกอฮอล์เป็นสารกดประสาทออกฤทธิ์ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด จะเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตรา 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต่อชั่วโมง (ซึ่งหมายความว่า ถ้าในร่างกายมีแอลกอฮอล์ในเลือก 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ร่างกายจะใช้เวลา 2 ชม.เพื่อกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย)

สำหรับเคสเบนท์ลีย์ ที่ทิ้งระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล นานประมาณ 4 ชั่วโมง โดยทั่วไปปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือด จะลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม

ผลตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ 10 มิลลิกรัมฯ รอดเมาแล้วขับ

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button