Line Newsข่าวดาราบันเทิง

‘บิวกิ้น’ เผยสัมพันธ์ ‘พีพี’ คนเดียวที่เข้าใจเรา คิดถึงกัน และคิดเผื่อกันตลอด

แฟนคลับฟินจนจิกหมอนเลยทีเดียวสำหรับคำตอบของพระเอกหนุ่ม ‘บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล‘ หลังเปิดใจให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘WOODY FM‘ ของพิธีกรชื่อดัง ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา‘ รับเป็นคนคลั่งรักไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในความสัมพันธ์แต่รวมถึงคนที่บ้านด้วย พร้อมเผยสัมพันธ์คู่จิ้น ‘พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร‘ เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจเรา มีอะไรก็ปรึกษากัน คิดถึงกัน และคิดเผื่อกันตลอด โดยระบุว่า

“มิติความรักของผม ความรักสำหรับผมรู้สึกว่ามันคือความสุข การที่เราจะรักใครสักคน เราต้องมีความสุขที่จะได้ทำ แล้วมันก็ส่งความสุขกลับมาให้เรา ผมไม่ค่อยเชื่อในเรื่องของรักที่มันทุกข์ ผมรู้สึกว่าถ้ามันเป็นแบบนั้นเราอย่ามีดีกว่า ความรักทุกรูปแบบ ครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก เราต้องหาจุดที่สุดท้ายแล้ว เราต่างมีความสุขแล้วก็สบายใจในการที่จะอยู่กับความสัมพันธ์นั้นๆ เวลาทุกข์ผมว่าเหมือนกับการที่มันไม่เข้ากัน ทุกๆ คนจะมีวิธีการ มีแนวคิด มีมุมมองของตัวเองที่มันไม่เหมือนกัน

Advertisements

ความรักของผมมันคือการซัพพอร์ตทุกๆ คน โดยไม่ได้เอาทัศนคติของเราไปวางอยู่บนตัวเขา ให้เขาทำในแบบของเขา แล้วเขาจะได้ภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำจริงๆ รักครั้งแรกตอน ม.3 ครับ อายุประมาณ 15 ครับ ตอนเราเด็กๆ ก็จะรู้สึกว่าความรักคือการครอบครอง เธอเป็นของฉัน ฉันเป็นของเธอ เราต่างครอบครองกันและกัน แล้วก็จะยึดติดกับค่านิยมบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอันนี้ดีอันนี้ไม่ดี

บิวกิ้น พุฒิพงศ์
ภาพ Instagram @bbillkin

ตอนเด็กหึงสุดๆ ครับ ช่วงนั้นมันอาจจะเป็น Puppy Love ด้วย เป็นครั้งแรกเรื่องของการคุย ไปไหน มีเพื่อนผู้ชาย เราก็จะบล็อกทุกทาง ควบคุมสุดๆ แต่เขาก็ควบคุมเราเหมือนกันนะ (หัวเราะ) สุดท้ายแล้วมันก็จะเดินไปถึงจุดที่บีบมากๆ สุดท้ายมันก็จะแตกหัก ต้องแยกออกจากกัน

แต่ในวันนี้ผมว่ามันเป็นเส้นของการให้เกียรติมากกว่า ถ้ามันเป็นคนที่ใช่และเป็นคนที่พอดีกับเรา สุดท้ายแล้วเราต่างคนต่างจะตีกรอบของตัวเองเพื่ออีกคนหนึ่ง โดยที่ใช้เซ้นส์หรือวิจารณญาณของตัวเราเองอยู่แล้ว มันผ่านการให้เกียรติหรือการระลึกถึงคนอีกคนหนึ่งอยู่ ถามว่าคลั่งรักไหม ก็น่าจะคลั่งอยู่นะครับ (ยิ้ม) เรารู้สึกว่าความรักมันผลักดันความใกล้ชิด หมายถึงว่าไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในความสัมพันธ์นะ กับที่บ้านของผม ก่อนนอนกลับไปหาที่บ้านก็ต้องไปกอด ปะป๊า หม่าม้า หอมแก้ม กู้ดไนต์กันตลอด โดยที่ทุกคนก็จะทำมันด้วยความเอ็นจอยเป็นปกติ

บิวกิ้น พุฒิพงศ์
ภาพ Instagram @bbillkin

ส่วนมิติ LGBTQ เฉดสีของความรักมันไม่ได้จำกัดเพศ ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้คนเรา 100 คน ก็ไม่เหมือนกันสักคน ทั้งเรื่องของตัวตนความชอบสิ่งที่เราเป็น ทุกวันนี้มันไม่มีเส้นของคำว่าถูกผิดหรือว่าค่านิยมแล้ว มันอาจจะมีเส้นของการให้เกียรติผู้อื่น หรือว่าเส้นของกฎหมายต่างๆ ที่เราอาจจะต้องใช้อยู่ร่วมกัน แต่หมายถึงเรื่องของเทสความชอบหรืออะไรต่างๆ

ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ฟรีด้อมมากในการที่เราจะชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำอะไรไม่ทำอะไร แค่ระลึกไว้ว่าเราทำสิ่งนี้โดยที่ไม่ได้ไปล้ำเส้นของคนอื่นก็พอ หมายถึงว่าเราจะชอบอะไรทำอะไร เราจะเป็นอะไรก็ได้ ที่เราภูมิใจที่จะเป็นแล้วมีความสุขที่จะทำจริงๆ มันหมดเวลาที่จะมาบอกว่าอันนั้นถูกอันนี้ผิด ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะมาตีเส้นให้กับสังคมทำไม ปล่อยให้ทุกๆ คนได้เป็นตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่รัก

Advertisements
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin

กับ พีพี สำหรับผม ผมมี พีพี คนเดียว คนที่เข้าใจเรา และผ่านการเดินทางที่มันพิเศษมากขนาดนี้ ผมรู้จัก พีพี ตั้งแต่ผมอายุ 16 เจอกันในที่เรียนพิเศษ แปลกมากผมกับพีพีสนิทกันเร็วมากในระยะเวลาเดือนเดียว เราสนิทกันเหมือนเป็นเพื่อนสนิท เรามีโอกาสได้เข้า นาดาว ได้เข้ามาเล่นซีรีส์ หรือช่วงที่เขาทำ Artist Development เราก็จะเป็นคนที่อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน มีโอกาสได้ทำอะไรไปพร้อมๆ กันตลอด มันเลยทำให้เหมือนกับว่าสำหรับผม ทั้งตัวเราในพาร์ทของคนๆ หนึ่ง กับในพาร์ทของการทำงานตรงนี้

บวกกับตัวเราฐานะของคนมากกว่าเป็นแค่เพื่อน หมายถึงเขาเข้าใจสิ่งที่เราคิด เข้าใจมุมมองของเรา เหมือนเพื่อนคู่คิดของเรา เขาสนิทกับที่บ้านผมมากๆ จนปะป๊าผมบอกว่าเขาเป็นเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบนี้มีเขาคนเดียวที่ดูบังเอิญไปหมด อยู่ใกล้กันมากสนิทกันมาก เข้าใจเราไปหมด แล้วเราก็ร่วมเดินทางเติบโตมาตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ ทำงานร่วมกัน มีอะไรเราก็ปรึกษากัน คิดถึงกัน คิดเผื่อกันตลอด

บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin

ในแฟนคลับแต่ละคนผมว่าเขาก็จะมีความคาดหวังที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งแฟนคลับที่เขาชอบเรา ที่เขาชอบ พีพี แล้วก็จะมีแฟนคลับที่ชอบ 2 คนอยู่ด้วยกันแยกกันไม่ได้ หรือชอบเรากับ พีพี ทั้งคู่แต่เคารพเราในฐานะของการเป็นแต่ละคนของทั้งคู่ แยกกันก็ไม่เป็นไรยังซัพพอร์ตทั้งคู่อยู่ มันมีหลายมิติมากๆ เลยครับ

ผมว่าเราทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ในทุกการเดินทางของเราจะมีคนที่สมหวังและผิดหวังเสมอ เพราะความคาดหวังมันหลากหลายมาก เราเคยเป็นคนที่เสพฟีดแบคมากๆ รู้สึกว่าจะทำยังไงดีให้คนที่รักเรา ซัพพอร์ตเราไม่ผิดหวัง ไม่ชอบทำให้ใครเสียใจหรือผิดหวัง พอเดินทางไปถึงจุดๆ หนึ่งที่เราเป็นวันนี้เราถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วมองภาพกว้าง รู้สึกว่าการเป็นบุคคลสาธารณะในวันนี้เวลามีคนคาดหวัง ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะมีคนที่ใช่เลยกับคนที่ผิดหวังจังอยู่เสมอ

ผมเลยรู้สึกว่าเราถอยกลับมาดูตัวเราเองดีกว่าความรู้สึกของเราเองจริงๆ จะใช้ชีวิตอยู่กับการคาดหวังกับคนอื่นไปได้อีกเท่าไหร่ รู้สึกว่าในวันนี้เราก็จะทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น ชัดเจนกับตัวเองมากขึ้น ว่าสุดท้ายแล้วการที่เราจะเลือกทำอะไร เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราเลือก และเป็นสิ่งที่เราเป็นจริงๆ ลดความคาดหวังลง ทำทุกอย่างให้มันง่ายขึ้น ทำตามหัวใจมากขึ้นครับ”

บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin
บิวกิ้น พีพี
ภาพ Instagram @bbillkin

Vanrasa J.

นักเขียนข่าวสายบันเทิงไทย ฮอลลีวูด เกาหลี และต่างประเทศ อัปเดตคอนเทนต์ข่าวสารเกี่ยวกับดารา หนัง ซีรีส์ เพลง แฟชั่นและความงาม ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านมุมมองความสร้างสรรค์และน่าสนใจ การันตีด้วยประสบการณ์มากกว่า 2 ปี ประเด็นไหนที่ติดเทรนด์จะต้องมีชื่อของ The Thaiger ร่วมตีแผ่เสมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button