ประเทศไทยเข้าฤดูหนาว ปลายเดือนตุลาคม 2565 กรมอุตุฯ คาดหนาวกว่าปีก่อน
กรมอุตุฯ ออกประกาศ คาดหมายช่วงเวลาที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว อาจเป็นต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนตุลาคม 65 เผยลมหนาวมาช้า แต่หนาวกว่าปีก่อน
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศแจ้งการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ. 2565-2566 โดยประเทศไทยอาจจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนตุลาคม 2565 จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566
สำหรับฤดูหนาวในปีนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่าลมหนาวจะมาเยือนประเทศไทยช้ากว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 1 สัปดาห์ และจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20-21 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 15-18 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยายังได้แจ้งอีกว่า ช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็นที่สุดจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ถึงปลายเดือนมกราคม 2566 และในบริเวณยอดดอยและยอดภู รวมทั้งเทือกเขา จะมีอากาศหนาวเย็นถึงหนาวจัด และอาจจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาก็ได้แจ้งเตือนอีกด้วยว่า ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีนี้ อาจจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ หรือเคลื่อนตัวผ่านอ่าวไทยและภาคใต้ ซึ่งทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่น รวมทั้งมีคลื่นลมกำลังแรง และอาจมีคลื่นพายุซัดฝั่ง โดยความสูงของคลื่นจะอยู่ที่ 3-4 เมตร
สำหรับรายละเอียดลักษณะอากาศในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยตามภูมิภาคต่าง ๆ ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ทำการคาดหมายไว้ดังนี้
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาวบางแห่งในบางวันทางตอนบนของภาค และมีหมอกในตอนเช้า โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่ และอาจมี ลมกระโชกแรงบางแห่งในบางวัน
สําหรับช่วงเดือนธันวาคมปลายเดือนมกราคม อากาศจะหนาวเย็นมากขึ้น โดยมีอากาศหนาวเย็น เกือบทั่วไป สําหรับบริเวณยอดดอย ยอดภู รวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และเกิดน้ําค้างแข็งขึ้นได้ ในบางช่วง
ส่วนช่วงต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นและมีฝน บางแห่งในบางวัน กับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ โดยยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า และจะมีอากาศร้อน หลายพื้นที่ในตอนกลางวัน
ภาคกลางและภาคตะวันออก
ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นบางแห่งในบางวันทางตอนบนของภาค กับมีหมอกในตอนเช้า โดยจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 ของพื้นที่ และอาจลมกระโชกแรงบางแห่งในบางวัน
สําหรับช่วงเดือนธันวาคมปลายเดือนมกราคม จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวหลายพื้นที่ในบางช่วง โดยเฉพาะตอนบนของภาคและบริเวณเทือกเขา กับจะมีหมอกหนาหลายพื้นที่ในบางช่วง
ส่วนช่วงต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นและมีฝนบางแห่งในบางวัน โดยมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ แต่สําหรับทางตอนบน ของภาคและบริเวณเทือกเขายังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (ฝั่งอ่าวไทย)
ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนมกราคม จะมีฝนตกชุกหนาแน่นเกือบทั่วไป โดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ในบางแห่ง สําหรับคลื่นลมจะมีกําลังแรง จะมี คลื่นสูง 2 – 4 เมตรในบางช่วง
ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ฝนจะลดลง เว้นแต่ทางตอนล่างของภาคยังคงมีฝน ร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งในบางวัน
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก (ฝั่งทะเลอันดามัน)
ในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่ง สําหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร
ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง โดยมีฝนร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน จะมีอากาศเย็นในบางวันกับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่
สําหรับช่วงเดือนธันวาคมปลายเดือนมกราคม จะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับจะมีหมอกหนาในบางช่วง
ส่วนช่วงต้นและกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศจะแปรปรวน อากาศจะอุ่นขึ้น และมีฝนในบางวัน โดยจะมีอากาศเย็นในบางวัน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อย่างไรก็ตาม ทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็ได้แจ้งเตือนให้ระวังลักษณะอากศแปรปรวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2565 ไว้ดังนี้
1. ในช่วงปลายเดือนตุลาคม บริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบนจะยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับจะมีน้ำเหนือไหลบ่าลงมา และในบางช่วงจะมีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่งได้ในบางพื้นที่
2. ในเดือนธันวาคมและมกราคม บริเวณยอดดอยและยอดภูมักจะเกิดน้ำค้างแข็งขึ้นได้ กับจะมีหมอกหนาเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ยวดยานพาหนะไว้ด้วย
3. ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตก เคลื่อนตัวจากประเทศเมียนมาผ่านประเทศไทย ตอนบนซึ่งจะทําให้ช่วงดังกล่าวเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่