อาถรรพ์ ต้นไทรโบราณที่รัฐสภา ล้ม 2 ต้น ข้าราชการสภา เผย อาจเกิดอาเพศ
อาถรรพ์ ต้นไทรโบราณ ล้ม หน้าอาคารพระสุริยันต์ ข้าราชการสภา เผยอาจ เกิดอาเพศ สอดรับสถานการณ์การเมืองยุค พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผลพวงจากกรณี พายุฝนถล่มอย่างหนักจนพื้นที่ กทม. ต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ โดยปัญหาดังกล่าวยังเป็นเหตุให้ ต้นไทรโบราณ บริเวณสนามหน้าอาคารพระสุริยันต์ ถูกพายุลมที่รุนแรง พัดจนโค่นล้มลงมา 2 ต้น กิ่งก้านแตกหักล้มระเนระนาด
โดย กลุ่มต้นไทรโบราณ เป็นต้นไม้เดิมในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างโรงเรียนโยธินบูรณะ กับโรงเรียนขนส่งกองทัพบก (ขส.บท.) ก่อนถูกขุดนำกลับมาปลูกไว้ที่รัฐสภาแห่งใหม่ ตามสัญญาก่อสร้างเดิมที่กำหนดไว้ โดยมีการรักษาระบบรากและค้ำยันให้จนยืนต้นมีชีวิตรอดมาได้ 4 ปี กระทั่งมาล้มลงจากแรงพายุลมฝน เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ อ้างอิงข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ของ นายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยให้ข้อมูลไว้ว่า จากเหตุการณ์ต้นไม้โบราณดังกล่าวโค่นล้มลงมานั้น ทำให้เป็นที่วิพากาษ์วิจารณ์ของบรรดาข้าราชการในรัฐสภาว่า น่าจะเป็นอาเพศอย่างหนึ่ง สอดรับกับสถานการณ์การเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กระแสความนิยมลดลงในสายตาของประชาชน จนอาจสะเทือนถึงเสถียรภาพความเชื่อมั่น จนอาจจะทำให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งต้องมีอันเป็นไปเหมือนกับต้นไม้ดังกล่าวก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวสลานี้ที่กำลังเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันอย่างเข้มข้น
ข้าราชการสภาคนดังกล่าว ยังเผยเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับของบิรเวณซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของต้นไม้โบราณก่อนถูกพายุเล่นงานจนไม่สามารถยืนต้นต่อไปได้ว่า วันดีคืนดีบริเวณดังกล่าวจะมีคนงานก่อสร้างหรือ รปภ. เคยเห็น ตา ยายห่มสะใบสีม่วง ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง จนทางสภาต้องตัดสินใจตั้งศาลเจ้าที่ตา ยาย ชั่วคราวขึ้นมาอีกด้วย