ข่าวเศรษฐกิจ

ครม. อนุมัติวงเงิน 3.09 ร้อยล้านบาท ผลักดัน ส่งออกน้ำมันปาล์ม ปี 65

ครม. อนุมัติวงเงิน 309 ล้านบาท ดำเนินโครงการผลักดันการ ส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 65 ระยะเวลาการส่งออกถึงเดือนกันยายน 2565 นี้

วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินโครงการผลักดันการ “ส่งออกน้ำมันปาล์ม” เพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 65 ภายใต้เงื่อนไขระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก

โดยอนุมัติวงเงินเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 309 ล้านบาท เพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกินในประเทศให้เข้าสู่ระดับสมดุล และยกระดับราคาผลปาล์มทะลายที่เกษตรกรขายได้ให้สูงขึ้น รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ

สาระสำคัญ โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2565 สนับสนุนค่าบริหารจัดการส่งออกเฉพาะน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil :CPO) ปริมาณเป้าหมาย 150,000 ตัน ระยะเวลาการส่งออกภายในเดือนกันยายน 2565 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ ผู้ค้าผู้จัดเก็บ หรือผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มหรือผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม โดยจะสนับสนุนค่าบริหารจัดการสำหรับการส่งออก ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ ค่าปรับปรุงคุณภาพ ค่าเอกสารและค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นต้น ระยะเวลาการส่งออก ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจนถึงเดือนกันยายน 2565 และระยะเวลาโครงการตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจนถึงเดือนธันวาคม 2565

วงเงินทั้งสิ้น 309 ล้านบาท โดยเป็นค่าบริหารจัดการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบให้ผู้ส่งออก 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในส่วนราชการอีก 9 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขต่อเมื่อระดับสต๊อก น้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตันและราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการฯ ดังกล่าวนี้ เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก รวมทั้งสอดรับกับความต้องการการใช้น้ำมันปาล์มจากภาพพลังงานภายในประเทศที่ลดลง จากมาตรการปรับลดสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล รวมทั้งระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 300,000 ตัน คิดเป็น 1.5 เท่าของความต้องการใช้ภายในประเทศต่อเดือน ซึ่งถือเป็นระดับสต๊อกที่ปลอดภัย (Safety Stock) มั่นใจได้ว่า จะไม่ส่งผลให้เกิดขาดแคลนภายในประเทศ แต่จะช่วยป้องกันและบรรเทาสถานการณ์น้ำมันปาล์มและปาล์มน้ำมันล้นตลาด ลดความผันผวนในตลาดหากมีการปฏิเสธการซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร รวมทั้งสร้างแรงจูงใจผู้ประกอบการระบายผลผลิตส่วนเกินออกนอกประเทศด้วย

 

แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย

สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ

 

 

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button