ยำยำขึ้นราคา ขายส่ง 10 สตางค์ อั้นไม่ไหว หลังเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนราคาขายส่งยังเท่าเดิม มีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ ยำยำ ได้แจ้ง ขอปรับขึ้นราคาขายส่งบะหมี่ซองละ 10 สตางค์ โดยใช้รูปแบบการหักส่วนลดทางการค้ากับผู้ค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565ที่ผ่านมา
ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาขายส่งครั้งนี้ทำให้ร้านโชห่วยมีกำไรลดลง เพราะยังไม่สามารถปรับราคาขายปลีกได้ ยังคงต้องขายปลีกซองละ 6 บาท ตามเดิม แต่จำเป็นต้องขายสินค้าต่อไป เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ในยุคที่การบริโภคชะลอตัวมาก โดย ยำยำ เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แจ้งปรับขึ้นราคาขายส่งเป็นรายสุดท้าย
ในส่วนของ ราคาน้ำมันปาล์มขวดนั้น กรมการค้าภายในกำหนดให้ร้านค้าจำหน่ายไม่เกินขวดละ 68 บาท ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ขายส่งมาในราคาขวดละ70 บาท หากซื้อไปขายในราคา 68 บาท ต้องขาดทุน แต่หากซื้อไปแล้วขายในราคาที่ไม่ขาดทุนแพงกว่า 70 บาท/ขวด ก็จะต้องเสี่ยงผิดกฎมายและโดนจับ พ่อค้าแม่ค้าไม่มีทางออกเลย ดังนั้นกรมการค้าภายในจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ ไปไล่จับพ่อค้าแม่ค้า
“อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาปาล์มอย่างจริงจัง ดูว่าควรจะถอดปาล์มออกจากไบโอดีเซลไหม หรือควรจะให้ชะลอการส่งออกหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอาความเป็นอยู่ประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือจะเอาใจนายทุนที่ร่ำรวยจากการส่งออก เพราะช่วงนี้ปาล์มมีกำไรดี”
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงราคาขายปลีกผักสดในตลาดกรุงเทพมหานครว่า ผักชี คัด มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วง 3 วันติดต่อกัน โดยวันที่ 22 พ.ค. 2565 ราคาอยู่ที่ 120-130 บาท/ก.ก. วันที่ 23 พ.ค. ราคาปรับขึ้น 20 บาท/ก.ก. เป็น 140-150 บาท และล่าสุดวันที่ 24 พ.ค. ราคาปรับขึ้นอีก10 บาท/ก.ก. เป็น 150-160 บาท/ก.ก. เนื่องจากผลผลิตได้รับความเสียหายจากปัญหาพายุฝน เพราะเป็นผักที่อ่อนไหวเน่าเสียง่าย