TIBCO – ขุมพลัง กำลัง และขอบเขตด้านความยั่งยืนที่มีคลาวด์เป็นศูนย์กลาง

N. Siripariyasakเผยแพร่: 24 ม.ค. 2565 16:27 น.| อัปเดต: 24 ม.ค. 2565 16:28 น.

TIBCO นำเสนอบทความทางธุรกิจในด้านเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อหัวข้อ ขุมพลัง กำลัง และขอบเขตด้านความยั่งยืนที่มีคลาวด์เป็นศูนย์กลาง

บทความโดย อเลสซานโดร คิเมรา ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ดิจิทัลไลเซชั่น บริษัท TIBCO

Advertisements

ในเมื่อเราต่างเสาะแสวงหาหนทางเพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ร่วมกันในตอนนี้ เราอาจพิจารณาหนทางที่เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถช่วยเราอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

แม้พัฒนาการของศูนย์ข้อมูลคลาวด์คอมพิวติ้งในระยะเริ่มต้นนั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลหลักๆ ด้านพลังงาน ความเร็ว และการเข้าถึง แนวคิดว่าด้วยค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) นั้นเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าดังกล่าวเป็นตัววัดว่าศูนย์ข้อมูลหนึ่งๆ ใช้พลังไปเท่าไร เพื่อเป็นสัดส่วนในการเทียบว่าใช้พลังไฟฟ้าเพื่อใช้งานเครื่องจักร ให้ความเย็นกับระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในพื้นที่มากเท่าไร

ปัจจุบัน การหารือในประเด็นนี้ได้เลยจุดที่ว่าด้วยมาตรวัดแบบ PUE ไปแล้ว แม้มาตราดังกล่าวจะยังมีความสำคัญอย่างมากอยู่ก็ตาม ในตอนนี้ มีชุดจักรกลที่สามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนกว่ามาก ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ทั่วไปและประสบการณ์ เช่น เรารู้ว่าศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่สามารถตอบโจทย์การติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ได้มากกว่า และยังยกระดับด้านการประหยัดพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ฟาร์มพลังงานลมก็เช่นกัน โดยสามารถสร้างบนพื้นที่ที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมทางด้านภูมิศาสตร์และโครงสร้างเครือข่าย

นอกจากไม่ลืมแนวทางที่กำลังพัฒนาเพื่อให้บรรลุค่า PUE ที่ดียิ่งขึ้น (การให้ความเย็นด้วยน้ำจากทะเลลึกยังเป็นแนวคิดที่ยังไม่เป็นรูปร่างมากนัก) ในตอนนี้ เราอาจจะมองวิธีที่เส้นทางหลักของคลาวด์ดิจิทัลช่วยให้เราทำงานได้อย่างยั่งยืนผ่านมุมมองเชิงกว้างมากขึ้น

การบูรณาการ การเพิ่มประสิทธิภาพ การทำให้ทันสมัย

คลาวด์คอมพิวติ้งช่วยให้เราบรรลุการบูรณาการได้ลึกยิ่งขึ้นและเข้าถึงได้กว้างกว่าในทุกภาคส่วนธุรกิจ แต่การพูดปากเปล่าอาจไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆ เราจึงควรพิจารณาการนำมาใช้ในโลกความจริง ในทางปฏิบัติแล้ว นี่หมายถึงประเด็นอย่างการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานและเทคโนโลยีบริหารจัดการการปฏิบัติงานที่สามารถปรับใช้กับอุปกรณ์ ระบบการทำงาน และแม้กระทั่งกับตัวบุคคล

เมื่อเราเริ่มคิดถึงการทำงานกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีลักษณะแบบที่มีการกำหนดเอาไว้มากขึ้น เมื่อนั้นเราสามารถใช้งานการจัดการวงจรการผลิต (PLM) เพื่อกำหนดสถานะหมดอายุให้แก่ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล นี่ไม่ใช่ขยะ แต่เป็นประสิทธิภาพ การเอาองค์ประกอบที่ล้าสมัย ตกรุ่น ไม่ได้รับการพัฒนา เป็นตัวสำเนา หรือกระทั่งเป็นของเก่าและมีการทำซ้ำไปมาออกจากโครงสร้างข้อมูลด้านไอทีของเรา และแทนที่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นด้วยโซลูชั่นต่างๆที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและผ่านกระบวนการด้านวิศวกรรมพรีซิชั่นที่ได้รับการพัฒนามาใหม่สามารถช่วยกระบวนการลดคาร์บอนให้เป็นกลาง ไปจนถึงการปล่อยคาร์บอนให้เป็นลบในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้การลงทุนด้านดิจิทัลของเราทำได้ดียิ่งกว่าเพื่อผลลัพธ์และโลก

การคิดถึง PLM ในบริบทของภารกิจระดับโลกว่าด้วยเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นกลางเป็นเรื่องสำคัญ ในประเด็นดังกล่าว เราอาจพิจารณาถึงเรื่องการบริหารจัดการวงรอบผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นผ่านการออกแบบและการผลิต จนถึงการขาย บริการ และการยุติการใช้งานในท้ายที่สุด การมอง PLM ในแง่องค์รวมเช่นนั้นจะช่วยแก้ปัญหา (และหลีกเลี่ยงในท้ายที่สุด) eWaste ได้ ทำให้บริษัทสามารถบูรณาการการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไปในธุรกิจ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันว่าด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างข้อมูลด้านไอที และการสร้างอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานน้อยกว่าทั้งในเงื่อนไขทางกายภาพและเสมือนจริง (เช่น ซอฟต์แวร์)

วิธีนี้คือรูปแบบการดำเนินงานที่ยั่งยืนกว่า เป็นการดำเนินการที่ต้องนำไปใช้โดยมีพื้นฐานมาจากหลักการออกแบบ โดยที่ผลิตภัณฑ์และบริการจะสามารถบอกเราได้ว่าเมื่อไรที่วาระสุดท้ายของการใช้งานได้มาถึงแล้ว เมื่อก่อน หากรถออกไปจากโรงงานแล้ว วิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์ก็หยุดชะงักนับตั้งแต่วันที่รถคันนั้นถูกขับออกไป ในตอนนี้ เราสามารถสร้างรถที่พัฒนาผ่านกระบวนการใช้งาน ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลที่รถคันนั้นสร้างขึ้นและส่งกลับไปยังตัวให้บริการคลาวด์ส่วนกลาง การขายที่ยังคงมีอยู่อาจพิจารณาจากการบำรุงรักษา การปรับปรุง และบริการเสริมอื่นๆ เราต้องพึงระลึกว่านอกจากลูกค้าคือปัจจัยสำคัญแล้ว กำไรก็เช่นกัน ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตจะกังวลถึงการขาดทุนที่เป็นผลมาจากกฎหมายสิทธิในการซ่อม (Right to Repair act) ในใจเสมอ อย่างไรก็ตาม หากดำเนินไปอย่างถูกวิธี ก็ย่อมสร้างกำไรได้ ในขณะที่ฟีเจอร์/บริการเพิ่มยอดขาย หรือการบำรุงรักษานั้นมีไว้สำหรับอุปกรณ์ที่มีการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเรานำกระบวนการบูรณาการ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำให้ทันสมัยมาปรับใช้ในโครงสร้างข้อมูลทางไอที เราสามารถสนับสนุนการใช้อุปกรณ์ที่เสริมขีดความสามารถด้วยเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่ขยายตัวได้อย่างมากขึ้น ด้วยขีดความสามารถด้านการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ด้วยเซนเซอร์และแพลตฟอร์มการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของระบบ เราสามารถพัฒนาเครื่องจักรให้ปฏิบัติงานได้ดีขึ้น ซึ่งมักช่วยให้มนุษย์ปฏิบัติงานได้ดีขึ้นเสมอ โดยใช้รูปแบบการทำงานระยะไกลมากขึ้น และมีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลดลง

บริษัทบริหารจัดการด้านการขนส่งระดับโลก CargoSmart กำลังแสวงประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว จากการต่อยอดสถาปัตยกรรมที่เน้นสภาพการณ์ บริษัทกำลังใช้การวิเคราะห์แบบก้าวหน้าในการสร้างเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจนและกว้างขึ้น (unprecedented visibility) เพื่อให้เรือขนส่งสินค้าสามารถวางแผนได้ล่วงหน้าในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด และใช้การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์เพื่อพัฒนากระบวนการตัดสินใจ บริษัทยังนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ร่วมกับข้อมูล IoT เพื่อยกระดับกระบวนการตัดสินใจในยามที่ต้องรับมือกับเหตุไม่คาดคิด รวมทั้งเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้าได้ในเชิงลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาแอพพลิเคชั่นตรวจสอบความเร็วเรือและเส้นทาง ซึ่งวิเคราะห์ความเร็วของเรือและระยะทางเมื่อมีปัจจัยหลากหลายที่ซับซ้อน ตัวแอพพลิเคชั่นช่วยให้ผู้ขนส่งทางทะเลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ เพราะลดการใช้เชื้อเพลิงไปได้ถึงร้อยละ 3.5

วิศวกรรมคลาวดด์แบบยั่งยืน

โครงสร้างสำคัญของกรอบและแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้งสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านความยั่งยืนหากเราพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวิธีที่สามารถพัฒนาสมรรถนะของแอพพลิคชั่นและบริการข้อมูลที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีไร้เซิร์ฟเวอร์ช่วยพัฒนาการแยกออกจากกันไปที่อีกระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายและลดบทบาทของเราในการปล่อยก๊าซที่ไม่จำเป็นได้ ด้วยการใช้กลไกการทำแคช เราสามารถลดภาระของส่วนระบบจัดการเว็บไซต์จากการลดความหนาแน่นของทราฟฟิกและเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อความไปพร้อมๆ กัน

องค์ประกอบหลักและสำคัญที่สุดของคลาวด์คอมพิวติ้งในบริบทของความยั่งยืนคือความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากร และไม่ต้องลงทุนใน CapEx เกือบทุกองค์กรที่มีศูนย์ข้อมูลเป็นของตัวเองไม่ได้ใช้งานที่ด้านความจุ ตัวอย่างการใช้งานในด้านการใช้ไอทีที่เป็นรูปธรรมที่สุดมักอยู่ในรูปของการที่องค์กรนำเอาผู้ให้บริการคลาวด์มาใช้สองเจ้า (หรือมากกว่า) ซึ่งช่วยเลี่ยงการผูกขาดทางเทคโนโลยีและเป็นแนวคิดที่ดีในแง่การกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery : DR) แต่สิ่งที่อาจจะมีความสำคัญมากกว่า คือ คุณสมบัติความยืดหยุ่นด้านการปฏิบัติงานเพื่อความยั่งยืนในระยะยาวที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น

จริงๆ แล้ว เราสามารถใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อประโยชน์ด้านความยั่งยืน จากนั้น เราก็สามารถใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่กว่าในระดับที่สูงขึ้น ความแตกต่างอยู่ในวิธีที่องค์กรสามารถปรับใช้บริการคลาวด์กับโครงสร้างข้อมูลด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรจากมุมมองด้านทราฟฟิกเครือข่าย

การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบง่ายๆ ในโครงสร้างไอทีที่ตั้งอยู่ ณ ไซต์งานของตนเองมีผลกระทบต่อเครือข่ายน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริการที่ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบคลาวด์และภูมิภาคหลายแห่ง เพื่อลดความแออัดของข้อมูลเครือข่ายให้ได้มากที่สุด ให้ลองทบทวนบริการของคุณ ควรจะใช้บริการที่มีแค่ขนาดเดียวสำหรับทุกอย่างให้น้อยลง เนื่องจากบ่อยครั้งที่ข้อมูลที่ส่งกลับมามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เรายังอาจกล่าวได้ว่าบริการจัดสรรพื้นที่เป็นอีกหนทางหนึ่งเพื่อช่วยลดความแออัดของเครือข่าย และสร้างโอกาสให้แก่บริษัทในการเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลที่ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ระบสร้างความเย็นขั้นสูงที่ใช้น้ำในการลดความร้อนของระบบ และใช้น้ำร้อนเพื่อให้พลังงาน หรือเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อให้ความเย็นกับอาคาร

กิโลวัตต์ต่อหน่วยคำนวณ

ในขณะที่บริษัทส่วนมากยังห่างไกลจากความสามารถในการคำนวณอัตรากิโลวัตต์ต่อหน่วยคำนวณ หรือ Kpc ที่เป็นที่คุ้นหูมากกว่า เราได้พัฒนาอย่างรวดเร็วไปสู่ความเข้าใจทางธุรกิจที่ว่าด้วยความจำเป็นในการวัดผลกระทบจากคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ด้านไอทีทั้งที่มีอยู่และมีการใช้งานใหม่

ข้อตระหนักที่สำคัญเวลาที่มีการพัฒนาเพื่อนำการวัดประเภทนี้มาใช้งาน คือ การวัดแบบกลุ่ม ผู้ใช้หนึ่งคนที่ปิดแอพไปหนึ่งตัวหรือบริการหนึ่งอย่างนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดความแตกต่างมากนัก แต่ผู้ใช้งานหลายพันคนที่ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ในระดับของเครื่องกลแล้วก็เป็นแบบเดียวกัน การไม่ใช้งาน แทนที่ หรือเคลื่อนย้ายกระบวนการ API call ที่ไม่มีประสิทธิภาพหนึ่งครั้งอาจไม่ได้เป็นผลต่อต้นไม้มากนัก แต่พอรวมกันเป็นจำนวนมากขึ้นที่ระดับมหึมาแล้วนั้น นี่เป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง

ณ ตอนนี้ที่เราสร้างความก้าวหน้าด้วยวิถีธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วนขององค์กร ช่วงเวลาแห่งการลงมือทำได้มาถึงแล้ว

แหล่งที่มาของบทความ : ทิบโก้ (TIBCO)

สามารถติดตามข่าวธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวธุรกิจ