ข่าวข่าวการเมือง

ด่วน! ตร. จับ ผู้ต้องสงสัย แฮกเว็บศาลรัฐธรรมนูญ ได้แล้ว หลังป่วนทำเว็บล่ม

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย แฮกเว็บศาลรัฐธรรมนูญ หลังตามไอพีเจอ เจ้าตัวรับเป็นคนแฮกเอง ขณะที่เว็บศาลรัฐธรรมนูญยังใช้ไม่ได้

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมประชุมกับ ศาลธรรมนูญ พร้อมด้วยผู้แทนจาก สกมช.​, ดีเอสไอ, ฝ่ายเทคโนโลยีของศาล และ บริษัทผู้ดูแลเว็บไซต์

เพื่อหาสาเหตุและเส้นทางจราจรคอมพิวเตอร์ของคนร้าย ณ ห้องประชุมชั้น 9 ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา หลังจากที่เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญถูกแฮกและมีการเปลี่ยนนำบทเพลง กิโยติน ของวง Death Grips รวมถึงเปลี่ยนชื่อเป็น Kangaroo Court เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยทาง พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ได้รับคำร้องทุกข์และสอบปากคำผู้รับมอบอำนาจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีไว้ในเบื้องต้น และจากการสืบสวนพบว่า ร่องรอยการโจมตีจากระบบเครือข่ายทางศาลรัฐธรรมนูญ และตรวจพบหมายเลขไอพีของผู้ต้องสงสัย

ซึ่งสามารถพิสูจน์ทราบยืนยันตัวตนของผู้ต้องสงสัยพร้อมพิกัดที่อยู่ได้ กอรปกับ กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ถูกโจมตีจากศาลรัฐธรรมนูญ ไว้ ดำเนินการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัล เพื่อตรวจพิสูจน์วิธีการกระทำความผิดและยืนยันตัวตนผู้บุกรุกและเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าว

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ขออนุมัติหมายค้นบ้านผู้ต้องสงสัย ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับในช่วงเช้าของวันนี้(13 พ.ย.64) ได้ประสานงานร่วมกับ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ในการเข้าตรวจบ้านผู้ต้องสงสัย

จากการเข้าตรวจค้น พบตัวผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายวชิระ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี จบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้แฮกเว็บ ศาลรัฐธรรมนูญจริง จึงได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อม ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เพื่อส่งให้ กลุ่มงานตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัล กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดำเนินการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลต่อไป

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ ตามมาตรา 5, 7 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท และหากผู้กระทำมีการทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ก็จะมีความผิดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,00 บาท

อย่างไรก็ตาม ณ เวลา 16.22 น. เว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button