บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ JAYLERR x Ice Paris กับซิงเกิลใหม่ เมื่อวานก็นานไป (FEELS LIKE A YEAR)
บทสัมภาษณ์สุดพิเศษ JAYLERR x Ice Paris กับซิงเกิลใหม่ เมื่อวานก็นานไป (FEELS LIKE A YEAR) ตอบทุกคำถามที่คุณสงสัย
พาร์ทเพลง “เมื่อวานก็นานไป (FEELS LIKE A YEAR)”
เพลงเมื่อวานก็นานไป ถือเป็นซิงเกิลที่ 3 ครั้งนี้มาเป็นแนวไหน ?
ไอซ์ : ความตั้งใจที่ว่าเราอยากเริ่มมาร้องเพลงช้า ฟังง่ายๆ ได้ร้องเพลงเพราะๆกันบ้าง เพลงนี้เลยจะออกมากทางมีเดียมออกช้าๆ ซาวของเพลงเราก็พยายามทำให้มันอุ่นๆ ฟังสบายประมานนี้ครับ
เจเลอร์ : พูดง่ายๆมันคือแนวก็ Pop R&B ครับ มีลูกเล่นการใช้ gospel หรือว่าการประสานเสียงในโบสถ์ เหมือนการร้องสรรเสริญพระเจ้าของฝรั่งด้วย เพื่อเพิ่มมิติของเพลงของเพลงมากขึ้น เพลงที่เราตั้งใจทำให้มันช้าลงเพราะว่า เพลงที่ผ่านมา 2 เพลงแรก มันเป็นการเน้นสนุก เน้นโชว์ เน้นเพอฟอร์ม เน้นการเต้นอะไรแบบนี้ครับ เพลงนี้เรารู้สึกว่า เราอยากสื่อสารกับแฟนๆของเรามากขึ้น รวมถึงคนที่มาฟังเพลงของเรามากขึ้น เพลงนี้เลยจะมีความร้องโชว์เนื้อเสียง หรือว่าโชว์อารมณ์มากกว่าเพลงก่อนหน้านี้
ไอซ์ : จริงๆมันก็เริ่มมาจากแฟนๆที่ขอกันมานาน ว่าอยากฟังพวกเราร้องเพลงช้ามากขึ้น ก่อนที่เพลงนี้จะออก จะมี live session ออกมา เราร้องเพลงช้าล้วนๆเลย มันก็เกิดจากแฟนๆที่อยากให้มาสิ่งนี้ เราก็เลยทำให้เขาด้วย เป็นเหตุผลหนึ่ง
เจเลอร์ : ซึ่งนี่ก็คือน่าจะเป็นแรงบันดาลใจของเรา เราอยากทำเพลงนี้เพื่อสื่สารกับแฟนๆครับผม
เนื้อหาเพลงเล่าเรื่องอะไร ?
เจเลอร์ : ตั้งต้นเราพยายามหาคอนเซปกัน แล้วก็มาได้เรื่องของการที่ผมรู้สึกว่าความคิดถึงของเรามันไม่เท่ากัน สมมุติเรารอจะเจอใครสักคน คนที่รอจะรู้สึกนานแล้ว ไม่ได้เจอกันวันเดียวทำไมมันรู้สึกนานนาน กับคนที่รู้สึกไม่เท่ากัน ความคิดถึงไม่เท่ากันก็จะรู้สึกว่า เมื่อวานเพิ่งเจอกันเองทำ ไมคิดถึงแล้ว ก็เป็นการเปรียบเทียบกันประมาณนี้ เหมือนกับว่า เวลาที่เรารู้สึกรอมันกลับนาน แต่ว่าเวลาที่เรามีความสุขมันผ่านไปเร็ว
ไอซ์ : ซึ่งจริงๆมันเริ่มจากพี่เจมีความรู้สึกนี้ เราเลยเอาไปต่อคอนเซปต์ จนพี่เติร์ดก็ไปเขียนออกมา จนได้มาเป็นแบบนี้ครับ
เพลงนี้ ได้ไอเดียมาจากทั้งสองคนด้วย ได้ใช้ไอเดียใส่ความเป็นตัวเองลงไปยังไงบ้าง ?
ไอซ์ : พอเป็นดูโอ้เจไอซ์ หลังๆจะมีโฟลว์ที่ไม่ต้องพูดก็รู้ พี่เจเนี่ย ส่วนใหญ่จะดูเรื่องเนื้อร้อง เนื้อหา คอนเซปต์ ความหมายต่างๆ ส่วนผมจะชอบลงไปดูเรื่องดนตรี อย่างกีต้าร์ ความซาวด์ดีไซน์ เรื่องกอสเปลที่เรา 2 คนอยากได้อะไรแบบนี้ ผมพยายามใส่ไอเดียลงไปตรงนั้นให้เยอะมากที่สุด ยิ่งตอนวันอัดดนตรีก็ไปนั่งคุมกีต้าร์เลยครับ
เจเลอร์ : เหมือนว่าเพลงนี้เรามีส่วนร่วมเยอะขึ้นเรื่อยๆจากการทำงานจากเพลงก่อนๆ มันตั้งแต่เรื่องคอนเซปต์ เนื้อร้อง การเลือกคนมาโปรดิวซ์ การเลือกคนมาเขียนเนื้อเพลง เราก็ได้พี่เมฆ MACHINA มาโปรดิวซ์ ส่วนถึงพี่เติร์ดมาเขียนเนื้อครับ ก็ได้ใส่ไอเดียไปเยอะมาก เราก็ดูเรื่องอัดเครื่องดนตรี อัดคอรัสไปจนจบงานเลย ก็รู้สึกว่า ไอเดียส่วนใหญ่มาก็มาจากพวกเรา แล้วก็รู้สึกดีที่ได้ทำงานกับพี่เมฆที่เป็นโปรดิวเซอร์ และก็พี่เติร์ด Tilly Birds เพราะผมรู้สึกว่าทั้ง 2 คนเปิดรับไอเดียวของเรามากๆ เอาไปไอเดียของเราต่อยอดให้มันดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากไอเดียเราได้ push ใส่ลงไปเยอะแล้ว เราก็ยังรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานกับพี่ๆด้วยครับ
เจเลอร์ได้แต่งแรพเองอีกไหม ?
เจเลอร์ : แต่งครับ นอกจากแรพก็มีที่ไปช่วยพี่เติร์ดคิด ด้วยความที่ผมอยากเรียนรู้จากพี่เติร์ดเยอะๆ เหมือนกับว่ามันจะมีดราฟแรกที่พี่เติร์ดแต่งมาแล้วผมก็เอาไปปรับแก้อีกที แล้วก็ไปเจอรวมกันทุกคน มีผม มีไอซ์ มีพี่เมฆ มีพี่เติร์ด แล้วก็มีทีมของนาดาวเข้ามาช่วยกัน develop เนื้ออีกที ก็รู้สึกว่า ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากเพลงนี้ครับ
เนื้อเพลงท่อนไหนที่ทั้ง 2 คนชอบ หรือคิดว่าเป็นไฮไลท์ของเพลงเลย ?
ไอซ์ : มันก็ต้องท่อนนี้แหละครับ ท่อน gospel เป็นทอนที่ชอบมาก เป็นท่อนที่ผมรู้สึกว่าอยากให้ทุกคนร้องตามไปด้วยกันได้ ถ้าเราได้ไปโชว์ เหมือนเป็นท่อนหมู่มวลที่จะสื่อสารกันได้ ด้วยความที่มันเป็นเป็น gospel นักร้องในโบสถ์ ในประเทศไทยมันยากเหมือนกันนะ เพราะเราเป็นเมืองพุทธ เราไม่ใช่ประเทศที่เป็นคริสต์ เลยหานักร้องที่จะสื่อสารแล้วเข้าใจได้ค่อนข้างยาก รู้สึกว่าพี่เติร์ดเค้าสามารถทำมันขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรียลแบบของฝรั่ง แต่ใช้เทคนิคทางสตูดิโอทำมันขึ้นมา ผมก็รู้สึกว่า ดีครับ ชอบ ทำยากด้วย เป็นไฮไลท์เลยจริงๆ
เจเลอร์ : ของผมเป็นท่อนฮุกคครับ ท่อนฮุกครึ่งหลังที่มันจะมาในฮุก 2 อยากมองตาคู่นั้น จดจำไม่ให้ลืม อยากฟังเธอบอกรัก อยากฟังทุกค่ำคืน ผมรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่ลึกซึ้งครับ
ไอซ์รู้สึกยังไงที่ได้ร้องเพลงช้าๆบ้าง ชอบไหม ?
ไอซ์ : ชอบครับ ชอบมาก จริงๆการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว เอาจริงๆเพลงก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเพลงเร็วหรือเพลงช้า ผมก็ชอบมันทั้งคู่ เพลงนี้เหมือนเราได้สื่อสาร ได้ใช้เนื้อเสียงที่มากขึ้น เราได้เทคนิคเพิ่มเติมจากพี่เติร์ดด้วย วิธีการร้อง เหมือนกับว่าได้พัฒนาตัวเองมากขึ้นด้วย
ส่วนใหญ่จะเห็นเจแรพ ไอซ์ร้อง สลับพาร์ทกันดูไหม ?
เจเลอร์ : เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมร้องเยอะมาก ก็รู้สึกว่า การร้องเพลงสำหรับผมมันไม่ได้ยากเหมือนแต่ก่อน แต่ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ แต่พอมาสังเกตพัฒนาการของตัวเอง ก็รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นด้วย
ไอซ์ : ส่วนตัวผมก็เคยได้แรพมาก่อนแล้วในเพลง นาทีนี้ (Let’s Love) แต่ยังไม่เคยแรพในเพลงดูโอ้ แต่ผมจะเก็บไว้เป็นไอเดียครับ เผื่อว่าเราจะสามารถคุยกันไปมาแล้วมันเกิดขึ้นได้จริง
ปกติคู่เราจะมาพร้อมกับเพลงสนุกๆ ท่าเต้นเยอะๆ เพลงนี้จังหวะช้าลง จะได้เห็นท่าเต้นไหม ?
เจเลอร์ : เพลงนี้ตั้งใจจะสื่อสารกับแฟนๆ เลยไม่ได้คิด ไม่ได้ fix ท่าเต้นมา เลยไม่ได้คิดท่าเต้น แต่ถ้าแฟนๆอยากเห็นก็อาจจะมี ก็อยู่ที่กระแสตอบรับของแฟนๆครับ
ไอซ์ : ด้วยความที่เพลงนี้ อยากจะทำเป็นร้องเป็นหลัก พวก challenge ต่างๆเราก็ไม่ได้ทำเป็นเต้น เราก็ทำเป็น challenge ร้อง เราอยากลองทางใหม่ๆบ้าง
มีคนดนตรีเก่งๆอย่าง เมฆ MACHINA และ เติร์ด Tilly Birds มาทำงานด้วยรู้สึกอย่างไร แล้วก็เล่าการทำงานของทั้ง 2 คนให้ฟังหน่อย
เจเลอร์ : ตอนแรกเราสนใจพี่เติร์ดมาเขียนเพลงก่อน แล้วก็ดูโปรดิวเซอร์ที่พี่เติร์ดเคยทำเพลงแล้วถูกคอคือใคร ก็มีการปรึกษาไปทางพี่เติร์ดด้วย แล้วก็ขอข้อมูลจากทาง Gene Lab ด้วย จนมาสู่การตัดสินใจว่าเป็นพี่เมฆ MACHINA ในส่วนของการทำงานผมก็ประทับใจทั้งคู่เลยนะ ผมรู้สึกว่าทั้งคู่มีความเป็นมืออาชีพมาก ทั้งด้านความสามารถ และความรับผิดชอบ เพลงนี้ที่มันเสร็จเร็วได้ เพราะว่าทุกคนทำในพาร์ทของตัวเองได้ดีมาก ทำเร็วและดีด้วย
ไอซ์ : พี่เมฆคือค้องชมเลยเรื่องความรวดเร็วทุกอย่าง ความคล่องแคล่ว เราคุยอะไรกัน คือปรับได้อย่างรวดเร็วและแบบที่เราต้องการ เก่งมากๆเลย ไม่มีอะไรให้แก้เยอะ รู้สึกว่าสไตล์เค้าดี ส่วนตัวพี่เติร์ดผมเองก็สนใจมาอยู่แล้ว เพราะเค้าเก่งมากอยู่แล้ว เพลงเค้าก็ดีมากๆ ก็เลยสนใจในการให้เค้ามาแต่ง พอได้มาทำแล้วมันยิ่งประทับใจในการทำงาน เค้าเก่งและรวดเร็วและสนุก ไม่เครียดเลย
เพลงนี้ พี่ย้ง ทรงยศ และ พี่โป มาเป็น Executive producer เป็นไงบ้าง?
ไอซ์ : พี่ย้งน่าจะปกติ ความรู้สึกไม่น่าจะเปลี่ยนอะไรมาก เพราะอยู่กันมาตั้งแต่ริเริ่ม แต่พูดถึงการทำงานของพี่โป ผมรู้สึกว่าดีนะ เป็นคนที่คอยตบพวกเราได้ดี พวกเราในการทำงาน เราอยากลองนี่นั่น เราอยากจะใส่ให้หมดเลย พี่โปจะคอยให้เราจัดความคิดให้ดี เนื้อร้องโอเคไหม ประโยคนู้น ประโยคนี้ โอเคไหม เป็นคนที่ดูภาพรวมได้ดีมาก และผมรู้สึกว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความ creative มาก รู้สึกเปนเกียรติด้วยครับ ได้นักแต่งระดับนี้มาช่วยด้วย มันก็เป็นเหมือนความสบายใจไปอีกเปราะนึง
MV นี้ เล่าเรื่องความคิดถึงผ่านสถานที่เดียวกัน แต่คนละเวลาเป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อย?
เจเลอร์ : คือความจริงแล้ว มันจะเป็นการ เล่าเหตุการเดียวกันแต่คนละเวลา ไอซ์จะอยู่ตอนเช้าที่เซ็ทปาตี้ แต่ผมอยู่ตอนกลางคืนตอนที่เริ่มปาร์ตี้แล้ว ไอซ์จะเล่าในเวย์ที่รอแฟนมาปาตี้ ระหว่างที่รอก็จะรู้สึกว่ามันช้า เมื่อไหร่เค้าจะมาซักที จะเป็นการเล่าผ่านภาพ ทุกอย่างก็จะสต็อปแบบนี้ จะมีแค่ตัวไอซ์ที่เป็นปกติ ส่วนผมคือใช้เวลากับแฟนในปาร์ตี้ ทุกอย่างก็จะเร็วไปหมด คนก็จะเดินเร็วๆ เหตุการณ์ทุกอย่างก็จะเร็วๆ
ไอซ์ : ตอนท้ายของเอมวี ก็จะกลายเป็นว่าทั้ง 2 คนสลับกัน พอผมได้เจอแฟนแล้วทุกอย่างมันก็เร็ว แต่พอพี่เจต้องแยกกับแฟนแล้วทุกอย่างก็จะช้า พยายามจะบอก่า ตอนที่เรารอมันช้า แต่ตอนที่เราแฮปปี้มันจะเร็ว
เจเจเปลี่ยนสีผมเพื่อ MV นี้เลยไหม?
เจเลอร์ : ใช่ครับ เพราะเพลงนี้เลย ผมโชคดีด้วย เพราะว่างานแสดงผมถ่ายเสร็จแล้วเลยไม่มีอะไร ช่วงทำเพลง ก็เปลี่ยนสีผม อยากเปลี่ยนลุคด้วย เผื่อว่าทุกคนพอเห็นลุคนี้แล้วก็จะได้รู้สึกว่ามันใหม่
ไอซ์พลิกตัวลงน้ำไปกี่รอบถึงได้ภาพแบบนั้น ?
ไอซ์ : อยากจะบอกว่าผมลงไปรอบเดียวเลยครับ เหมือนว่ามันรีเซทยากมาก ด้วยความที่เราจะลงไปพร้อมชุดนั้นทั้งชุด มันไม่สามารถรีเซทได้ ยกเว้นว่าเราจะมีชุดเหมือนเดิมอีกชุดนึง ซึ่งตอนนั้นเราไม่มี ก็ใช้การถ่ายแบบผมนอนข้างสระ บิ้วตัวเองไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงจังหวะตอนที่เรารู้สึกว่ามันใช่แล้วเราก็ลงไป แล้วก็ได้เป็นภาพนั้นออกมาครับ ก็เต็มที่ ไม่คิดอะไรมากแล้วก็บู๊มลงไปเลย
เจเลอร์ : คนชมเยอะนะซีนนั้น
ไอซ์ : ต้องให้เครดิตทุกคนเลยครับ ตากล้อง และผู้กำกับด้วยครับผม สุดยอดวันนั้น มีหลายอย่างมากมาย แต่ก็ทำออกมาได้ดีมากครับ แสงสวยมาก ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็เป็นรุ่นใหม่เหมือนกัน เรียกว่าดีมากๆครับ
MV ถ่ายกันช่วงไหน ช่วงโควิดรึเปล่า แล้วทำให้การถ่ายทำยากขึ้นไหม มีมาตรการยังไง?
เจเลอร์ : MV นี้เราถ่ายประมานช่วงเดือนที่แล้ว ก็ยังเรียกว่าช่วงโควิดนะ ในกองถ่ายก็จะมีมาตรการที่ก่อนจะเริ่มงานทุกคนต้องตรวจโควิด ใส่แมสตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ รักษาระยะห่างด้วย แล้วก็จำกัดคนด้วย ก็เลยรู้สึกง่าค่อยข้างปลอดภัยนะ ทำหรับตัวเราที่อยู่ในนั้น เหมือนทุกคนก็ทำตามมาตรการของรัฐเต็มที่ ก็เลยไม่ยากเท่าไหร่
เรื่องไรที่นานมากๆแล้วที่ไม่ได้ทำ และก็ทำให้คิดถึงมากๆ
ไอซ์ : ตอบพร้อมกันไหม ? 1..2..3..
เจเลอร์ & ไอซ์ : เล่นคอนเสิร์ต !!
ไอซ์ : คิดถึงมากๆเลยครับผม อยากทั้งไปดูและก็ไปเล่นคอนเสิร์ตเลยครับ มันเป็นบรรยากาศที่เราคิดถึงมากๆ เพราะเอาจริงๆมันก็เป็นเหมือนแพชชั่นของเราอยู่แล้วในการได้เพอฟอร์ม ได้อยู่ในบรรยากาศของความเป็นดนตรี ความเป็นพี่ๆศิลปินทุกๆคน มันมีความสุขมาก แล้วเราก็คิดถึงมันมากๆ แต่ช่วงก็นี้คือไม่ได้เลย ถึงเราจะเล่นได้มันก็ไม่ได้ฟูลสเกล อจจะเป็นไลฟ์ อาจจะคนน้อยลง เราคิดถึงความมันส์ตรงนั้นที่เราเห็นคนเยอะๆหน้าเวทีอัดรวมกันแน่นๆ
เจเลอร์ : ขอสารภาพว่าเมือคืนเพิ่งดูคลิปคอนเสิร์ตที่ แฟนโทเปีย กับบิ้กเมาเทนท์ไป รู้สึกว่าตอนนั้นสนุกมากจริงๆ
คาดหวังกับซิงเกิลนี้ขนาดไหน?
ไอซ์ : เอาจริงๆพอมันเปนซิงเกิ้ลคู่ของเรา มันเป็นสิ่งที่เราลงไอเดียกับมันตั้งแต่แรกทุกๆสเตป มันก็มีความคาดหวังอยู่นะ อยากให้ผลงานชิ้นนี้ไปได้ไกล ไปได้ดี อาจจะเหมือนเรามีลูกคนนึง แล้วเราอยากให้เค้าเติบโตไปได้ด้วยดี ผมว่าสิ่งนั้นมันก็มีเหมือนกันนะ แต่ผมไม่เคยไปกำหนดว่ามันต้องขนาดไหน ต้องเท่าไหร่เป็นตัวเลข แต่ผมรู้สึกว่า 1 อย่างตอนแรกที่เราคาดหวังคือตอนเราไปทำเพลงกับพี่เมฆกับพี่เติร์ด คือผมคาดหวังว่าเราจะต้องไปซึมซับจากเค้าให้ได้มากที่สุด เราต้องเก่งขึ้นเยอะๆเลย
เจเลอร์ : ส่วนผม ผมคาดหวังนะ อย่างที่บอกว่าเพลงนี้ต้องการสื่อสารกับคนที่ได้ฟังเพลงเรามากขึ้นกว่าเพลงก่อนๆ ก็รู้สึกว่าอยากใหุ้กคนที่ฟัง ได้อินกับเรา รู้สึกเหมือนที่เรารู้สึก อะไรแบบนี้ครับผม
ตั้งแต่เริ่มทำงานวงการเพลงจนถึงตอนนี้ ทั้ง 2 คน มีทัศนคติหรือความคิดต่องานดนตรีเปลี่ยนแปลงไปจากตอนเริ่มต้นหรือไม่? อย่างไร?
เจเลอร์ : ผมรู้สึกว่ามันก็เปลี่ยนนะ ผมรู้สึกว่าก่อนที่จะเริ่มทำมาจนถึงตอนนี้ มันน่าจะง่ายกว่านี้ แต่ว่าพอทำไปเรื่อยๆแล้วมันก็มีดีเทลเยอะมากในหนึ่งเพลง แต่ว่าก็รู้สึกตื่นเต้นกับมัน เรามีความสุขในการที่ได้พัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกเพลง ได้ออกไปเจอแฟนๆ แล้วแฟนๆมีฟีดแบ็คกลับมา ผมก็รู้สึกว่าถึงทัศนคติมันเปลี่ยน แต่เราก็ยังรู้สึกว่า มันสนุกจริงๆในการทำเพลง แล้วมันก็จะเป็น 1 แพชชั่นในชีวิตเราอีกอย่างนึงนอกจากการแสดง
ไอซ์ : ของผมก็คิดว่าเปลี่ยนเหมือนกัน ต่องานดนตรี ว่าจริงๆแล้วทุกอณู ทุกๆวินาที ทุกๆโน๊ต มันสามารถ deep in และมีความหมาย ทำทุกๆอย่างให้มันอาร์ตได้ไปหมด ผมรู้สึกว่าลึกซึ้งตรงนั้น ที่ทำให้แพชชั่นต่อดนตรีของเรามันมากขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งทำยิ่งรัก แฮปปี้ ชอบมากขึ้นเรื่อยๆเลย
เป้าหมายสูงสุดในฐานะศิลปินที่อยากทำให้สำเร็จของทั้งคู่คืออะไร?
ไอซ์ : ผมว่าเอาจริงๆ ณ ตอนนี้ มีเป้าหมายที่รู้สึกว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ตอนนี้ที่เราทำงานดนตรีคือเราตั้งใจกับมันมากจริงๆนะ เราพยายามมาก มีแพชชั่นกับมันมากจริงๆ เหมือนอยากจะบอกว่าที่เรามาทำงานดนตรีนี้คือ ไม่ใช่แค่เพราะเรารู้สึกสว่าเราทำได้ เราอยากทำ มันคือแพชชั่นกับมันจริงๆ เราตั้งใจกับมันจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ เราแค่รู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเรา 2 คนจะเจอกันจากงานแสดงก่อน แต่ว่ามันไม่ได้แปลว่าเราทำตรงนี้แบบไม่ตั้งใจ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเหมือนกันนะ
เจเลอร์ : ถ้าอย่างผม ถ้าเป้าหมายสูงสุดของผมตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเดียวกับไอซ์นะ ผมรู้สึกว่าผมอยากออกไปเจอทุกคนแล้ว อยากออกไปร้องเพลง อยากออกไปโชว์ อยากออกไปพัฒนาตัวเองในแง่ของการเพอฟอร์มให้เก่งกว่านี้ แล้วผมก็อยากไปทำเพลงกับศิลปินท่านอื่นๆ ไปฟีทเจอริ่งน่าจะสนุก
ฝากให้แฟนๆติดตามหน่อย มีช่องทางไหนบ้าง?
เจเลอร์ : เอาส่วนตัวก่อนนะครับ ก็สามารถติดตามผมได้ในอินสตาแกรม @jaylerr ครับ
ไอซ์ : ผม @icepariss นะครับ
จจ ในส่วนของเพลงนี้อยากให้ได้ฟังกัน สำหรับเพลง”เมื่อวานก็นานไป” เราพยายามดีไซน์เพลงนี้ ทำเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะสื่อสารกับทุกๆคนได้มากที่สุด เรารู้สึกว่าเราได้เรียนรู้อะไรผ่านเพลงนี้เยอะมาก คิดว่าคนที่ได้ฟังก็น่าจะได้เหนพัฒนาการของเราจากเพลงนี้ ก็อยากให้ฟังกันเยอะๆนะครับ ก็สามารถดู MV ได้แล้วผ่านทางยูทูปแชแนล Nadao Music นะครับผม ส่วนสตรีมมิ่งก็สามารถฟังได้แล้วทุกช่องทาง ก็อย่างให้ฟังกันเยอะๆ แล้วก็ช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ
พาร์ทส่วนตัว
ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้าง อยู่บ้านทำอะไร?
ไอซ์ : ผมรู้สึกว่าช่วงนี้ผมอยู่หน้าคอมเยอะมาก ส่วนมากก็จะเป็น ซูม ประชุม เดินสาย จะเป็นการนั่งอยู่หน้าคอมแล้วก็ทำงานจากที่บ้านซะส่วนมาก
เจเลอร์ : น่าจะคล้ายๆกันครับ เพราะช่วงนี้ทำงานด้วยกัน ผมกับไอซ์ก็จะทำงานอยู่ในซูมซะส่วนใหญ่ เวลามีประชุม
ไอซ์ : ก็เป็นอย่างนี้เลย เพราะมันเป็นช่วงปล่อยเพลง เมื่อวานก็อยู่ด้วยกัน นั่งไลฟ์ด้วยกัน
การทำงานช่วงนี้ยากขึ้นไหม? ต้องปรับตัวไง?
ไอซ์ : ผมรู้สึกว่างานแสดงมันยากขึ้นมาก แทบจะ impossible เลยก็ว่าได้ หนังของผมตอนนี้ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก มันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากจริงๆ การออกกองมันทำยาก เกิดขึ้นได้ยาก แต่งานเพลงงานซูมมันยังทำได้อยู่ ที่ไม่ต้องเจอกันจริงๆ ไม่ต้องใช้คนเยอะ แต่งานเพลงก็ยังยากในพาร์ทโชว์ พาร์ทโปรโมท มีอะไรหลายอย่างที่ยากขึ้นเยอะมาก แต่อย่างน้อยก็ยังดีเหมือนกันที่เราได้ทำเพลงอยู่
เจเลอร์ : สำหรับผมผมรู้สึกว่ามันยากขึ้น แล้วก็ง่ายขึ้นในขณะเดียวกัน การที่เราได้ประชุมที่บ้าน ตื่นมาแปรงฟันแล้วก็เข้าประชุมเลย มันง่าย แต่ก็ยากในตรงที่ว่าการที่เรามานั่งในห้องประชุมเดียวกัน มาเจอกัน discuss กัน งานมันจะเร็วกว่า
ทั้งคู่มีผลงานไรให้แฟนๆติดตามบ้างหลังจากนี้?
ไอซ์ : ผมไม่กล้าพูดเลย เพราะไม่รู้จะพูดไรได้บ้าง หลุดทุกรอบเลย แต่พูดเลยก็ได้ ช่วงนี้ก็เปนโพรเสซทำเพลงคู่ เพลงใหม่
เจเลอร์ : ช่วงนี้ยังพูดดีเทลไม่ได้เยอะ เพราะเพิ่งเริ่มทำกัน อยู่ในช่วง pre production
ไอซ์ : แต่ว่ามีเพลงต่อไปให้ฟังแน่นอนในเร็วๆนี้
เจเลอร์ : ในส่วนงานแสดงยังมีถ่ายทำค้างอยู่ ส่วนของผมถ่ายทำจบไปแล้ว เราต้องมาดูสถานการณ์อีกที แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าทามไลน์ในการออนแอร์จะเป็นทามไลน์เดิมรึเปล่า ต้องรอติดตามกันนะครับ
แฟนๆบ่นคิดถึง เพราะไม่ได้เจอกันนาน มีไรจะบอกไหม ทั้งแฟนเพลง แฟนหนัง และแฟนละคร?
ไอซ์ : สำหรับแฟนเพลง ตอนนี้เราได้ปล่อยเพลงออกไปแล้ว เราหวังว่าจะทำให้ความคิดถึงมันเบาบางลงได้บ้าง และมีเพลงต่อๆไป ก่อนหน้านี้เราก็มี live session ออกไป แล้วส่วนแฟนหนังแฟนละคร ของผมก็ยังมี ghostlab อยู่นะครับ ถ้าคิดถึงก็ยังไปดูกันได้ ส่วนเรื่องต่อไปอาจจะต้องรอกันนิดนึงเนื่องด้วยสถานการณ์ต่างๆ ทีมงานทุกคนก็พยายามทำให้จบภายในเวลาตามที่เราแพลนกันไว้ตั้งแต่แรก พยายามเต็มที่เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับผลงานดีๆ ได้รับ positive energy กัน
เจเลอร์ : งานเพลงในปีนี้ก็จะได้เห็น เจ ไอซ์ ไปอีกเรื่อยๆครับ ในส่วนของผลงานเพลงเดี่ยว ขอเก็บไว้ก่อน ในส่วนของงานแสดงก็อยู่ในช่วงใกล้เสร็จแล้ว ยังไงก็อยากให้รอติดตามกันนะครับ ในส่วนของงานแสดงของทั้งที่ไอซ์ถ่ายอยู่ แล้วก็ที่ผมถ่ายจบไปแล้วคาเรคเตอร์ก็ค่อนข้างแปลกใหม่ อยากให้ติดตามกันครับ ส่วนงานเพลงก็จะพยายามผลิตเพลงดีๆออกมาเรื่อยๆนะครับ
ฝากแฟนๆให้ดูแลสุขภาพช่วงโควิดหน่อย?
เจเลอร์ : ขอให้แฟนๆทุกคน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ไอซ์ : รู้สึกว่าช่วงนี้ก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่น่ากลัว อยากจะให้ทุกคนดูแลตัวเองกันดีๆ รักษาสุขภาพ ด้วยทุกๆอย่างตอนนี้มันมีเรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด และด้วยสถานการณ์ที่ยากลำบาก อยากให้ทุกๆคนอย่างน้อยยังหลงเหลือความสุข ความแฮปปี้อยู่บ้าง หวังว่าทุกคนจะทำได้ แม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม