‘ประยุทธ์’ ฉีดวัคซีนโควิด แอสตราเซเนกา เข็มสอง ยืนยันทุกคนได้ฉีดแน่นอน
ประยุทธ์ เข้ารับการ ฉีดวัคซีนโควิด แอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่สอง พร้อมยืนยันว่าประชาชนทุกคนได้ยืนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแน่นอน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกา เข็มที่ 2 ที่สถาบันบำราศนราดูร เมื่อช่วงเวลาของ 8.00 น. โดยการรับฉีดวัคซีนครั้งนี้ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าบันทึกภาพ และทำข่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโควิดเป็นจำนวนมาก
ซึ่งการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้ารับการฉีดด้วยเช่นกัน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้การต้อนรับ
โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่สองนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ปักเข็มให้กับ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาเพียง 10 นาที ในการพักรอดูอาการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ทุกคนจะได้ฉีดแน่นอน แต่เป็นไปตามลำดับความรุนแรง ทั้งนี้จะเร่งฉีดตามสัดส่วนของจำนวนประชากร เพิ่มลดอย่างไรค่อยว่ากัน ทั้งนี้ไม่อยากให้เสนอข่าวหลายทาง เพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดได้ ทั้งนี้ วัคซีนจะมีเข้ามาเพิ่มตามข้อตกลงเจรจา อย่างไรก็ตามวันนี้ทุกประเทศมีปัญหาทั้งหมด ปัญหาอยู่ที่คนถ้าพูดความจริงก็จบ แต่ไม่ว่าวัคซีนชื่ออะไรก็สามารถป้องกันได้ โดยการรักษาควบคู่ไปกับยาที่มีอยู่ เพียงแต่อย่าปล่อยให้เป็นหลายวันแล้วจึงมาโรงพยาบาล
นอกจากนี้นายกฯยังกล่าวย้ำถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน ว่า แม้จะมีผลข้างเคียงอยู่บ้างแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งก่อนฉีดได้มีการให้คำแนะนำ และหลังฉีดก็สามารถปรึกษาแพทย์ได้ตลอดเวลา เป็นแนวทางที่มอบให้กับ ศบค.ประชุมชี้แจง ทั้งเรื่องการกระจายสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งภาครัฐเอกชนที่ร่วมมือกัน มีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ฉีดให้ และจะจัดหาเพิ่มเติมให้เท่าที่จะทำได้ ขอบคุณประชาชนที่เข้ามาลงทะเบียนหมอพร้อมมากพอสมควร ในการแพร่ระบาดระลอกใหม่จำเป็นต้องพิจารณาเพราะมีหลายพื้นที่มีการแพร่ระบาดมากและน้อยต่างกัน แต่ขอยืนยันว่าทุกคนได้รับการฉีดแน่นอน
ในส่วนพื้นที่ใดที่มีคนฉีดวัคซีนน้อย ก็ให้กำชับเรื่องของมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้น ต้องพิจารณาถึงเรื่องปริมาณวัคซีนที่นำเข้ามาให้สอดคล้องกันแต่จะทำให้เร็วขึ้น ด้วยขีดความสามารถของกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้สถานที่ฉีดวัคซีนไม่มีปัญหาอยู่ที่ตัวเจ้าหน้าที่ ที่ต้องบริหารจัดการ
หลายพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีแดงยังมีปัญหาโดยเฉพาะแรงงานก่อสร้างและแรงงานอุตสาหกรรม เพราะเป็นแหล่งสร้างงาน กลุ่มต่อไปคือครูที่ต้องเตรียมการเปิดโรงเรียน และกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย้ำว่าขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้เพียงแต่ต้องการความเข้าใจ ไม่ต้องการให้ใครนำไปบิดเบือน
“ไม่มีสูตรใดสูตรหนึ่งที่สามารถทำได้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันไปเมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไข ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการหารือกันตลอดเวลามีการปรับแผนต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และจำนวนวัคซีนที่นำเข้ามา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะฉีดให้กับทุกคนอาจจะช้าบ้างหรือเร็วบ้าง แต่อย่าลืมและขอร้องอยากให้ฟังหมอในระบบเป็นผู้ชี้แจง และขอยืนยันหมอทุกคนหวังดี ถ้าชี้แจงและรับฟังทีเดียวก็จบ แต่ถ้าพูดหลายครั้งหลายคนไม่ตรงกันประชาชนจะเกิดความสับสนได้” นานกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามถึงไวรัส โควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ คืออินเดีย หรือ แอฟริกา ที่ระบาดเข้ามา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้วัคซีน ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขว่า วัคซีนที่เรามีอยู่สามารถที่จะป้องกัน โควิด-19 สายพันธุ์ที่เข้ามาในประเทศไทยได้ ควบคู่ไปกับการรักษาทั้งยาฉีดและยากิน
ซึ่งปรับใช้ตามลำดับความรุนแรงของโรค เพียงแต่ไม่อยากให้ทุกคนประมาทและตื่นตระหนก แต่ขอให้ตระหนักต่อตัวเอง ครอบครัวและสังคม เพราะเป้าหมายของคนทั้งประเทศเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องดูแล แต่เราต้องบริหารจัดการปริมาณวัคซีนและปริมาณคน ก็ขอให้มั่นใจไปพบแพทย์ให้ทันเวลาไม่ว่าจะเป็นเชื้ออะไรก็ตามอย่าปกปิดหรือปิดบัง
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฉีดวัคซีน แอสตร้าเซเนก้า เข็มแรกไปเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ตึกสันติไมตรึ ทำเนียบรัฐบาล