ข่าวภูมิภาค

ม.ล.ปลื้มแนะควรเปิดโรงเรียนได้แล้ว ย้ำโควิด-19 ไม่อันตรายต่อเด็ก

ม.ล.ปลื้มแนะควรเปิดโรงเรียนได้แล้ว ย้ำโควิด-19 ไม่อันตรายต่อเด็ก

วันนี้ (30 เมษายน 2563) ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ หม่อมหลวงปลื้ม พิธีกรและผู้ดำเนินรายการทีวี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก แสดงความคิดเห็นว่าหากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยดีขึ้นแล้ว ทำไมไม่เปิดโรงเรียน ต้องรอให้ติดเชื้อเหลือ 0 เหรอ และที่ต่างประเทศก็เปิดกันหมดแล้ว พร้อมทั้งบอกว่าโรคนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า

“ต้องติดเชื้อเหลือ “0” ทุกวันถึงจะเปิดโรงเรียนได้ ตรรกะวิบัติของเเพทย์ที่คุมนายกฯอยู่หรือกระทรวงศึกษาธิการกันเเน่ กรุณาตอบมา จะได้ด่าถูก ใช้หลักการวิทยาศาสตร์เเละการเเพทย์บ้างไม่ใช่เเถลงตัวเลขไปวันวันเเล้วไม่หัดดูเอง ฝรั่งเศส สิงค์โปร์กำลังจะเปิดร.ร. เดนมาร์ก สวีเดน ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ร.ร.เขาเปิดหมดเเล้ว ประเทศอื่นที่ตัวเลขสูงกว่าเราก็ทยอยเปิดทั้งนั้น

โรคนี้ไม่เคยระบาดเเละก็ไม่ได้ระบาดที่ร.ร. ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก เอาจริงจริงเเล้วโรคนี้ไม่ได้ระบาดเเล้วในประเทศเเล้วด้วยซ้ำ เเละต่อให้เป็นก็รักษาได้เลิกกล่อมประสาทคนที่เขากลัวอยู่เเล้วให้กลัวไปมากกว่านี้ ต่อให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อคงเหลือเเละมีเพิ่มขึ้นรายวันเด็กก็ไปเรียนหนังสือได้เเละต้องไปเรียนหนังสือ ร่วมกันสู้เพื่อให้ลูกหลานเราคนไทยทุกคนได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน!

หลายคนไม่เข้าใจเเละถามมาหรือตำหนิต่อว่ามาว่าทำไมผมต้องคอยกระทุ้งกระทรวงศึกษาธิการเรืองเปิดโรงเรียน อันนี้ผมจำเป็นต้องทำเพื่อเด็กไทยทั้งประเทศ ลูกหลานของเราทุกคน ที่ผมขยับเรื่องนี้เพราะถ้าปล่อยไปเป็นตามอำเภอใจของสายเหยี่ยวที่คุมนายกฯอยู่ลูกหลานของเราอาจไม่ได้เรียนหนังสืออย่างเป็นเรื่องเป็นราวไปอีกนาน รัฐเอาการศึกษาของเด็กที่โรงเรียนไว้เป็นเรื่องสำคัญลำดับสุดท้าย เเละไม่ใช่ความผิดของรมว.ศึกษาธิการท่านนี้ด้วย

ท่านณัฎฐพลพยายามทำเต็มที่เเล้วมีสายเหยี่ยวที่ร้ายกาจกว่าที่มีอิทธิพล พยายามคุมยุทธศาสตร์ใหญ่อยู่ สายเหยี่ยวนี้เนี่ยเเหล่ะที่ต้องถูกกดดันให้ปล่อยวาง ไม่งั้นจะทำพังทั้งระบบการศึกษาเเละเศรษฐกิจ เอะอะก็จะให้อยู่บ้านต่อไปเรื่อยๆ อย่างที่ผมเคยเตือนไว้ ทั้งหมดนี้มันจะนำไปสู่สถานภาพที่พ่อเเม่ตกงานอยู่บ้านนั่งสอนลูก ที่หลายคนอาจไม่เข้าใจเพราะข้อมูลไม่ครบถ้วนคือคงไม่ทราบว่าเขาสั่งมาให้เลื่อนการเปิดเทอมออกไปนานขนาดไหน

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏหวังว่าคนจะเลิกต่อว่าต่อขานผมครับ เราเเค่อยากให้เด็กไทยได้เรียนหนังสือ ซึ่งถ้าปล่อยไปตามอำเภอใจเขา ตามเวรตามกรรม ก็จะไม่ได้ไปโรงเรียนอีกนานทั้งที่โรคโควิดหยุดระบาดเเล้วก็ตาม เชื่อผมเถอะช่วยกันสู้ให้ลูกหลานเราได้เรียนหนังสือ ไม่ยอมให้รัฐทำตามอำเภอใจ วิงวอนขอให้หมอสายเหยี่ยวในสธ.เเละที่คุมนายกฯอยู่ที่เป็นอดีตข้าราชการเเละเเพทย์ใหญ่ให้ถอยได้เเล้ว ถ้าเกินเลยไปกว่านี้คุณจะทำระบบเศรษฐกิจเเละสังคมพัง เราคือเจ้าของร่างกายนี้ คุณไม่ได้เป็นเจ้าของร่างกาย ถึงเวลาถอยเเละอย่าเเนะนำอะไรที่สุดโต่ง

รัฐไม่ยึดตามความจริง ตัวเลขผู้ป่วยที่ลดลง หลักการด้านระบาดวิทยาหรือวิทยาศาสตร์เลยด้วยซ้ำ ศธ.เเละศบค.ใช้นโยบาย ‘ปอด’ เเละ ‘กลัวนายด่า’ นำหน้า เเทนที่จะใช้สมองลงในรายละเอียด น่าจับมานั่งเรียนหรือสอน E-Learning เองสัก 5 ชั่วโมงติดต่อกันสัก 5 วันจะได้เข็ด ผมพูดตั้งเเต่เเรกเเละย้ำอีกครั้ง: เปิดได้หมดทุกโรงเรียน ทุกระดับ ทั้งไทยเเละอินเตอร์ ทั้งเรียนพิเศษเเละเรียนปกติ ทั้งประถมเเละมหาวิทยาลัยเพราะโรคนี้ไม่ระบาดในเด็กเเละไม่อันตรายต่อเด็กหรือผู้มีร่างกายเเข็งเเรง รวมทั้งที่ว่าไม่ได้ระบาดในประเทศไทยเเล้ว

ตื่นเถอะครับทั้งกทม.ศบค.เเละกระทรวงศึกษาธิการ นายกฯด้วย โรงเรียนเปิดได้ ถ้าไม่เอาพฤษภาคมก็มิถุนายนหรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินกรกฎาคม ไม่เอา E-Learning ด้วยในเด็กวัยเจริญพันธุ์ เรียนจริงกับครูจริงที่โรงเรียนทั้งประเทศ อย่าพรากการศึกษาไปจากเด็กไทยของเรา….ถ้ายังมีคนบอกว่า E-Learning ทางไกลเเบบ Remote/Distant ดีสำหรับเด็กเเละจำเป็นผมขอเชิญไปปรับทัศนคติ เด็กวัยเจริญพันธุ์ไม่ควรจะต้องมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน การที่อยู่ในวัยเรียนรู้เขาควรได้รับโอกาสที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลก กับครูบาอาจารย์

ในสภาวะที่ไม่มีโรคระบาดที่เป็นภัยคุกคามต่อเด็ก โรงเรียนจะต้องทำหน้าที่สอนเด็ก ไม่ใช่พ่อเเม่ต้องหยุดงานนั่งประกบลูกหลานอยู่ที่บ้าน วิงวอนอีกครั้ง (เพราะยังมีคนคิดอย่างนี้อยู่ในกระทรวงเเละรัฐบาล) ที่ยังคิดพยายามยัดเยียดการบังคับเรียนที่บ้านให้กับเด็กไทยทั้งประเทศว่าอย่าเเม้เเต่คิด โรคระบาดคุมอยู่เเละไม่ได้ระบาดในเด็กเลย รัฐต้องช่วยพยายามลดความกลัวของผู้ปกครองที่ยังได้ข้อมูลไม่ทั่วถึงว่าการพาลูกไปโรงเรียนนั้นเวลานี้ปลอดภัยเเล้ว

ส่วนการเปิดเทอมเปิดได้ตรงเวลา เรียนที่โรงเรียนตั้งเเต่ 1 ก.ค.ได้อย่างเเน่นอน เเละเอาที่จริงเเล้วเปิด 1 มิถุนายนก็ได้ถ้าใช้มันสมองคิดไม่ใช่ปอด เด็กต้องได้พบเพื่อน ทำกิจกรรม เรียนกับครูตัวต่อตัวเเละในกลุ่มไม่ใช่ผ่านอินเตอร์เน็ตเเละเด็กจำเป็นต้องได้วิ่งเล่นเเละออกกำลังกาย ส่วนถ้ามีจนท.รัฐหรือผู้บริหารในรัฐบาลยังไม่ตื่นเเละทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ไม่สำเร็จผมเเนะนำว่าควรไปปรับทัศนคติ บางทีฟังตัวเลขที่ศบค.เเถลงบ้างก็ดีเเล้วหันไปมองตัวเลขในยุโรปจะได้เข้าใจอาการของโรคนี้ในประเทศไทยของเรา

นี่ไม่ใช่วิกฤติฉุกเฉินเลยอีกต่อไป มีโรคระบาดอีกเยอะเเละปัจจัยเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันอีกเยอะสำหรับลูกหลานของเรา COVID19 นั้นไม่ใช่เลย พอได้เเล้ว เเละรบกวนศธ./ผู้ว่าฯสั่งเปิดร.ร.เรียนพิเศษต่างต่างที่ขึ้นกับกระทรวงตั้งเเต่ 1 พ.ค.หรือ 1 มิ.ย.ได้เเล้วเกินไปกว่านั้นถือว่าช้าไปเเละลิดรอนสิทธิในการประกอบอาชีพของเขา เด็กจำนวนมากต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอม เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้บางไหม? มัวเเต่เอาใจคนกลุ่มที่กลัวอยู่กลุ่มเดียว! ถึงเวลาคืนชีวิตให้กับลูกหลานของเรา! ไม่ใช่บังคับให้อยู่เเต่ในบ้าน (ทั้งทั้งที่ไปเอาสิทธิมาจากไหนไม่ทราบ) จนคนเขาเริ่มที่จะเฉื่อยชา สมองมีไว้เรียนรู้ ร่างกายมีไว้ออกกำลัง ผู้ใหญ่ต้องออกมาทำมาหากิน เด็กต้องไปเรียน นายกฯ รับฟังนิดนึงเเละอย่าดื้อ ชีวิตมนุษย์นั้นสำคัญ ส่วนคนไหนยังกังวลเเละอยากอยู่ในบ้านต่อไปนั้นเป็นสิทธิไม่มีใครไปว่าหรอก เเต่อย่าบังคับผู้อื่นให้ต้องทำเเบบคุณ”

https://web.facebook.com/m.l.nattakorn.devakula/posts/10158175467586221

P. Wanutch

อัพเดททุกความบันเทิง ทั้งไทย ต่างประเทศ K-pop รีวิวหนัง เพลง คอนเสิร์ต พร้อมนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและหลากหลาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button