ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ที่ต้องเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือการมาเยือนของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งล่าสุดคู่นี้เคยพบกันเมื่อฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเป็น เชลซี เอาชนะจุดโทษไปได้ หลังเสมอกัน 1-1-
สำหรับเกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด บอสใหญ่ของ สิงห์บลูส์ วาง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นหน้าเป้าโดยมี เมสัน เมาน์ท และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ยืนเป็นหน้าต่ำ
ขณะที่ฝั่ง เสือใต้ วางหน้าเป้าเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวซัลโวที่ยิงในรายการนี้ไปแล้ว 10 ประตูเท่ากับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และให้ แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์ และคิงส์เล่ย์ โกมัน คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง
เริ่มเขี่ยบอล ก็เป็นทีมเยือนได้ทักทายก่อนเลย จากจังหวะโต้กลับ อัลฟอนโซ่ เดวิส จ่ายเข้ากลางให้ โธมัส มุลเลอร์ ซัดด้วยขวานอกกรอบ แต่ยังไม่ผ่าน กาบาเยโร่ เซฟไว้ได้สบาย ๆ
นาทีที่ 7 เจ้าบ้านได้ลุ้นบ้างจากจังหวะ ที่เมสัน เมาน์ท ได้พาบอลขึ้นมา แล้วลองหาจังหวะยิงจากบริเวณนอกกรอบดูบ้าง แต่เหินข้ามคานออกไปไกล
นาทีที่ 11 เสือใต้ เล่นเกมสวนเร็วขึ้นมาจาก โกมัน ที่เล่นชิงกับ มุลเลอร์ ก่อนที่ โกมัน จะได้หลุดและเข้าไปกดเต็มขอเข้าข้างตาข่ายได้เสียว
ต่อมานาทีที่ 20 เชลซี ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เมสัน เมาน์ท เปิดเตะมุมทางด้านขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ได้ขึ้นโขกบอลลงพื้น แต่ยังไม่ผ่าน นอยเออร์ ซึ่งเป็นการยิงตรงกรอบครั้งแรกของเจ้าบ้านด้วย
เข้าสู่นาทีที่ 28 บาเยิร์น น่าได้ประตูขึ้นนำสุด ๆ เมื่อ เลวานดอฟสกี้ ได้หลุดเข้าไปเดี่ยวดวลกับ กาบาเยโร่ แต่ยังยิงไปติดเซฟนายประตูเจ้าบ้าน
ถัดมานาทีที่ 35 แซร์จ นาบรี้ โยนบอลเข้าเขตโทษให้ โธมัส มุลเลอร์ได้ขึ้นโขกจัง ๆ ในเขตโทษ บอลทำท่าจะเข้าประตู แต่ดันไปชนคานอย่างจัง ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ
ท้ายครึ่งแรกนาที 43 แฟนเชลซี เกือบได้เฮ จากจังหวะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ เลี้ยงจี้แนวรับทีมเยือน ก่อนหาจังหวะกดด้วยซ้ายทันที แต่ นอยเออร์ ยังเซฟไว้ได้หวุดหวิด จบครึ่งแรกเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0
GOAL !!! เริ่มครึ่งหลังมานาที 51 บาเยิร์น มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ แซร์จ นาบรี้ รับบอลจากเพื่อน ก่อนจะจ่ายต่อให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าไปและตบบอลกลับมาให้ นาบรี้ ได้ซัดเข้าประตูไปเป็น 1-0
GOAL !!! เท่านั้นยังไม่พอนาที 54 ทีมเยือนมาได้ประตูเพิ่มเป็น 2-0 จากคนเดิม แซร์จ นาบรี้ ที่ได้บอลแทงทะลุให้ นาบรี้ ได้หลุดเข้าไปซัดผ่านมือ กาบาเยโร่ เข้าไป
นาทีที่ 58 เชลซี น่าได้ประตูตีไข่แตกสุด ๆ จากจังหวะที่ บาเยิร์น ออกบอลพลาดและเป็น เมสัน เมาน์ท ที่ตัดบอลเอาไว้แต่ และตัดสินใจรีบยิงสวนทันที แต่กลับยิงไม่ดี ออกหลังไปไม่ได้ลุ้น
GOAL !!! เชลซี ยังไม่ฟื้นและมาโดนประตูที่สามของเกม จากจังหวะที่ อัลฟอนโซ่ เดวิส ครอสบอลเข้าเขตโทษให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ปรี่เข้าไปชาร์จช่วยให้ทีมเยือน บาเยิร์น ออกนำห่างเป็น 3-0
VAR !!! นาที 83 เชลซี ต้องเหลือแค่ 10 คนหลัง VAR เช็กย้อนหลังก่อนแจกใบแดงให้ มาร์กอส อลอนโซ่ จากจังหวะไปเล่นนอกเกมใส่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
สิ้นเสียงนกหวีดยาว 90 นาที เป็นทางด้าน เชลซี ที่เปิดบ้านพ่ายใหกับ บาเยิร์น มิวนิค ขาดลอย 0-3 ซึ่งยังมีอีกเกมให้แก้ตัว โดยจะต้องบุกไปเยือนรัง เสือใต้ ที่เยอรมันในวันที่ 18 มีนาคมนี้
ไฮไลท์ เชลซี 0-3 บาเยิร์น
https://www.youtube.com/watch?v=M-epgUEASaA
ชมเกมย้อนหลัง เชลซี – บาเยิร์น
https://www.youtube.com/watch?v=6i7yYxgW0uk
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี (3-4-2-1) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เปโดร น.73), อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ (ใบแดง น.83) – เมสัน เมาน์ท, รอสส์ บาร์คลี่ย์ (วิลเลี่ยน น.61) – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (แทมมี่ อบราฮัม น.61)
บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ – เบนฌาแม็ง ปาวาร์, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, อัลฟอนโซ่ เดวิส – โยชัว คิมมิช, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลีออน โกเรตซ์ก้า น.90) – แซร์จ นาบรี้ (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ น.85), โธมัส มุลเลอร์, คิงส์เล่ย์ โกมัน (ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.66) – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
