ข่าวภูมิภาค

กัปตันแอร์เอเชียเล่าภารกิจ 18 ชั่วโมง บินรับคนไทยจากอู่ฮั่น ใครคือฮีโร่ตัวจริง

กัปตันแอร์เอเชียเล่าภารกิจ 18 ชั่วโมง บินไปรับคนไทยจากอู่ฮั่น ใครคือฮีโร่ตัวจริง

บินรับคนไทยจากอู่ฮั่น – จากกรณีวันที่ 4 ก.พ. สายการบินแอร์เอเชียได้จัดเครื่องบินเดินทางไปยังอู่ฮั่นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์ เพื่อรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยนั้น

ล่าสุด กัปตันมนูญ กัปตันสายการบินแอร์เอเชีย ผู้ขับเครื่องบินเที่ยวประวัติศาสตร์ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ภารกิจอันสำคัญนี้ซึ่งยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง ผ่านเฟซบุ๊ก และชื่นชมฮีโร่ตัวจริงในภารกิจนี้ ความว่า

“ผมไม่ใช่ฮีโร่

หลายคนที่รู้จักผม ตอนเช้าของวันที่4 คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในหวู่ฮั่น(WUH) เพราสื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก และเผอิญมีภาพบางภาพในข่าว มีติดรูปผมไปด้วยทั้งที่ตามแผนของคณะทำงาน ที่มีกระทรวงต่างประเทศ เป็นแม่งาน ไม่ได้เป็นอย่างนั้น

…สั้น…เงียบ…ใช้คนน้อยสุด…คือสิ่งที่ตกลงกันไว้…แต่อย่างว่า บางอย่างก็เหนือการควบคุม

ตอนไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด ทางด่านควบคุมโรคดอนเมือได้ทำงานร่วมกับสายการบิน ในการตรวจคนที่มาจากWUH อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ข่าวจะดังเสียอีก

สายการบินเรา จากปกติที่ทำการฆ่าเชื้อตามวงรอบก็มาทำถี่ขึ้น และกลายทำทุกเที่ยวบินทันที ที่กลับจาก WUH ก่อนนำไปใช้ต่อ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า เครื่องเราสะอาดแน่ๆ สำหรับผู้โดยสารทุกคน

การตรวจผู้โดยสารมีเฉพาะขาเข้า แต่เราคิดว่า ไม่พอ และเป็นปัญหาที่ปลายทางถ้ามีคนที่มีไข้ แม้ไม่ได้เป็นไข้หวัดหวู่ฮั่นก็ตาม รวมทั้งเราต้องการความมั่นใจว่า ผู้โดยสารคนอื่น รวมทั้งน้องๆพนักงานของเรา จะปลอดภัยในการโดยสารกับเรา ทีมงาน Exit Screen จึงเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก ด้วยความร่วมมือของน้องๆนักบินที่เป็นหมอ น้องๆลูกเรือที่เป็นพยาบาลโดยหัวหน้าลูกเรือคนสวยและทีมในแผนกเป็นกำลังหลัก security GS รวมทั้ง Safetyด้วย

หมอป๊อกกับทีมแพทย์สี่คน ที่เป็นนักบินของเรา ทั้งเป็นกำลังหลักในการตรวจและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้น้องๆในทีม ก็ไม่สามารถมาได้ทุกวัน เพราะเราต้องทำระยะยาว ผมเลยเรียนปรึกษา CEO เพื่อที่จะจ้างพยาบาลมาช่วย

ระหว่างนั่งทำงานรอ ครูม้ง ซึ่งเป็น HFO ของเราเดินมาหา บอกว่า CEO เรียกพบ พี่ต๊อกบอกว่าเราอาจต้องทำเที่ยวบินรับคนไทยจากWUH มึงว่าไง ม้งพูดกับผมระหว่างเดินไปห้องทำงาน CEO

กูกำลังคิดเรื่องนี้พอดี ว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาคนออกมาไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวกูบินเอง ผมบอกกะม้ง

งั้นมึงกะกูบินด้วยกัน จะได้ตัดปัญหาไม่ต้องเอาคนอื่นไปเสี่ยง ม้งบอกผมก่อนเข้าห้อง CEO

พี่ รบ ขอความร่วมมือมา ให้เรารับคนไทย จากหวู่ฮั่นพี่ว่าไง พี่ต๊อกเอ่ยขึ้น

พร้อมครับ ม้งตอบ เดี๋ยวผมสองคนบินเอง น้องลูกเรือก็ไม่น่ามีปัญหา

งั้นผมตอบตกลงเขาไปนะ น่าจะประมาณวันที่1-2 เราพร้อมนะ

พร้อมครับ เราตอบพร้อมกัน

วันรุ่งขึ้น ม้ง ผม และหัวหน้าลูกเรือ โดนเรียกให้ไปประชุมด่วนกับคณะทำงานของ รัฐบาลที่มีทั้งทีมแพทย์ ท่าฯ ตม.ทหาร ที่กรมกงสุล

เราแบ่งหน้าที่กันทำตามความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ส่วนวันเวลานั้น รอคอนเฟิร์มจากจีน

ขอให้เป็นความลับนะ ท่านอธิบดีบอก ก่อนเลิกประชุม ผมเหลือบไปเห็นไลน์เด้งขึ้นมา เลยตอบไปว่า

ไม่ลับแล้วล่ะครับมีการแถลงแล้วว่า ไปวันที่ 1

ทุกคนในห้องถอนหายใจดังเฮ้อ

คนจะไปยังไม่รู้เลย ว่าจะไปวันไหน ผมคิดในใจ

กลับจากประชุม ผมไปงานเลี้ยง ชนอ.ม้งต้องไปร่วมวางแผนกับแผนกอื่นๆ และรายงานการประชุม ให้พี่ต๊อกฟัง เลยถูกพี่ต๊อกขอให้เปลี่ยนคนบิน จากเดิม ผม ม้ง และปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะแกบอกว่า ถ้าพวกพี่โดนกัก จะทำไง…เพราะสามคนไปด้วยกัน ใครจะทำงาน เพราะทั้ง ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ ไปกันหมด ซึ่งเรื่องนี้ ผมคุยกะม้งแล้วว่า มันไม่ควรไป แต่ผมไปได้ เพราะงานผม อยู่ไหนก็ทำได้ ส่วนม้ง ต้องร่วมประชุมเรื่องสำคัญบ่อยๆ สรุปคือ ม้งคอยติดต่อกับกงสุล ทีมคุณหมอ แผนกต่างๆภายในแอร์เอเชีย คือเป็นผู้อำนวยการศูนย์นั่นเอง

เมื่อข่าวมันออกไป ว่าแน่นอน แอร์เอเชียเป็นคนไปรับคนไทย นักบินในกลุ่มไลน์ต่างเสนอตัว ที่จะไปทำหน้าที่นี้ จริงๆเขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ ว่า ถ้ารัฐบาลให้เราทำ หลายคนเสนอตัวที่จะทำ โดยไม่รับเงินค่าบิน บางคนหลังไมค์มาก็มี ผมก็ตอบทีเล่นทีจริง ว่าให้ลงชื่อไว้ เราทำจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องหาให้ยาก ปรากฏว่ามีคนสมัคร ทั้งหน้าไมค์หลังไมล์แป๊บเดียวเกือบ 20 คู่ ผมเลยต้องบอกว่า ผมพูดเล่น ยังไม่ความคืบหน้าว่าเราจะทำมั้ย

วันอาทิตย์ที่ 2 เราโดนเรียกเข้าประชุมวางแผนละเอียดอีกครั้ง…หลังได้รับไฟเขียวจากจีน ว่าคือวันที่4

การนัดหมายโหลดของ การเดินทาง สถานที่รับตัวคนไทย ถูกสรุปในวันนั้น และทุกอย่างถูกกำชับให้เป็นความลับ แต่มีคนเงยหน้ามาบอกว่าทุกคนรู้แล้ว ว่าเราจะไปลงอู่ตะเภา ข่าวลงแล้ว

วันจันทร์ที่ 3 ทางทีมแอร์เอเชีย ถูกนัดหมายให้ไปซ้อม การใส่ขุดป้องกัน(PPE) เพราะหมอบอกว่า การใส่น่ะง่าย แต่การถอดอาจทำให้ติดเชื้อได้

การซ้อมรอบเช้ายังไม่สมบูรณ์ เพราะขั้นตอนการคัดกรองผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย สี่ชั่วโมง ต้องให้ลูกเรือช่วย เราจึงต้องบรีฟกันอย่างละเอียด และเราต้องเข้าพบนายกฯในตอนบ่าย ก่อนที่น้องๆจะกลับไปซ้อมอีกรอบ ส่วนผมกับอั๋นแยกตัวกลับ เมื่อเรากลับมาถึงบำราศนาดูร

เช้าวันที่4 วันออกเดินทาง ซึ่งคือเวลา 0710 ผมนัดลูกเรือ ทีมแพทย์ 7 คน และเจ้าหน้าที่ กต 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ตอน05:10

ใครจะรับผิดชอบอะไรตอนไหน และ chain of command ในcabin เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในขากลับ

เมื่อประตูเปิดที่WUH

ขอให้ลูกเรือ เขื่อฟังคุณหมอ ซึ่งนำโดย ผอ.ของบำราศ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อประตูปิดแล้ว การสั่งการเป็นหน้าที่ของหัวหน้าลูกเรือนะครับ จนกว่า sign off คุณหมอถึงกลับมานำอีกครั้ง เกิดมีผู้ป่วยฉุกเฉินบนเครื่อง หมอเป็นคนสั่งการ แต่ถ้าเกิดEmergency ให้ลูกเรือเป็นคนสั่งการทั้งหมด ผมบรีฟคร่าว

ก่อนขึ้นเครื่อง รมต.สาธารสุขมาส่งที่เครื่อง มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เรา Landing ที่ WUH ตอน 1115 เวลาหวู่ฮั่น เรารีบกินข้าว และทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะบอร์ด ผดส เพราะหมอบอกหลังจากนั้น เราจะไม่สะดวกอีก

เราใช้เวลาคัดกรองและบอร์ด เกือบ 6 ชม ซึ่งยาวนานมาก ผมกะอั๋นและ Engineer เก็บตัวในห้องนักบิน…น้องๆลูกเรือ ช่วยหมอในการจัดที่นั่ง ผดส และออกที่นั่งให้

ทำไมต้องทำขนาดนั้น

1.เราต้องมั่นใจว่า คนที่อาจมีอาการ หรือติดเชื้อ ต้องถูกแยกไปนั่งต่างหาก และใช้ห้องน้ำที่แยกไว้ให้

2.คนที่มีแข็งแรงแต่อยู่พื้นที่เสี่ยง ต้องนั่งอีกโซน

3.กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเสี่ยงน้อย จะจัดนั่งข้างหน้า

ผมงีบรอในห้องนักบินครับ

แต่ตื่นขึ้นมาทีไร ผมก็ยังเห็นน้องๆ ทั้งหมอ และลูกเรือ ทำงานด้วยความร่าเริงตลอดเวลา มีการเอนเตอร์เทน ผดส ตลอดเวลา

คุณคิดดูว่า ในมุมของผู้โดยสารนคนแรก ต้องรอคนสุดท้ายเกือบ 6 ชั่วโมง มันน่าเบื่อขนาดไหน

การบอร์ดอันยาวนานสิ้นสุดลง เราเริ่มขออนุญาตถอย และทำการวิ่งขึ้น สนามบินที่เคยคับคั่งไปด้วยเครื่องบินจากนานาประเทศ ตอนนี้เป็นของเราคนเดียว

ขอพูดถึงทีมแพทย์ชุดนี้

เจ้าหน้าที่ กต รวมถึงน้องๆลูกเรือของเรา ต้องขอบอก พวกเขาสุดยอด ทั้งความรู้ การเตรียมการ การทำตามแผนและนอกแผน

หลังจากการตรวอันยาวนาน ตอนแรกเราจะให้ ผดส แค่น้ำ 2 ขวด แซนวิช เจลล้างมือ ซึ่งจะวางไว้ที่ที่นั่ง ก่อนจะบอร์ด ผดส เพื่อบดขั้นตอนการบริการ ในแผนจะไม่มีการบริการอาหารร้อน

แต่ด้วยเวลาที่ทอดยาวออกไป ผู้โดยสารมารอแต่เช้าและไม่มีอะไรขายที่สนามบิน อาหารที่เราโหลดมาเพื่อใช้ในกรณีไดเวิร์ดถูกนำมาใช้จนเกลี้ยง

โชคดีจริงๆ ที่เราคิดถึงกรณีนี้ไว้ ตามข้อเสนอของปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะถ้าเราไปลงสนามบินกลางทาง ในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครให้เราลงจากเครื่องแน่ เราควรมีน้ำ และอาหารสำรอง ก่อนเครื่องRescue จะมารับ

จากแผนไม่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน ต้องมาทำ Fulservice น้องๆลูกเรือ ต้องอุ่นอาหารแบบด่วน ทายสิครับ ใครจะเป็นคนเสิร์ฟ…

ทีมหมอ และพยาบาลสิครับ แม้แต่ผอ.บำราศนาดูร ก็ได้ทดลองอาชีพสจ๊วตครั้งแรก คุณหมอ พยาบาล ที่ข้างล่าง คนเรียกอาจารย์ วันนี้ต่างทำหน้าที่บริการอาหารอย่างแข็งขัน

เรามีหมอจิตเวช และเจ้าหน้าที่ กต ไปด้วย ทุกคนช่วยกันเอนเตอร์เทน ผดส ตลอดเวลาเพื่อลดความเครียด ที่รอกลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดยอดจริงๆ

เราลงที่อู่ตะเภาและตามคาด มีคนมากมายมารอทำข่าวและคุณหมอก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของตนเองบนเครื่องบิน คือ ทำความสะอาดเครื่องบิน เก็บขยะลงถุงปลอดเชื้อ พ่นสเปร์ยฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อของฝ่ายช่างแอร์เอเชียจำมาทำซ้ำอีกรอบ

ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ ผดส ผมได้นอนเมื่อไหร่ ทีมหมอและ กต ได้กินข้าวมั้ย เพราะผมแอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน

ผมยอมรับในหัวใจ ของคุณหมอ และ กต ชุดนี้จริงๆ ทำงานหนักตลอดวัน อย่างมีพลังและร่าเริงตลอดเวลา ลูกเรือผมก็เช่นกัน

…ถ้าจะมีใครถูกเรียกว่าฮีโร่…นั่นคือพวกเขาครับ

ขอซูฮก…ทีมคุณหมอ และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ ทั้งสองคนด้วยใจจริง

จบการทำงาน…18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2540062869649371&set=a.1382227215432948&type=3

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: Manoon Jarornloy

Aindravudh

นักเล่าเรื่อง จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ ผู้สนใจประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง ผนวกกับการเริ่มต้นเส้นทางด้วยการเขียนงานวรรณกรรม ก่อนผันตัวมาเจาะประเด็นข่าวทางสังคม ออนไลน์ ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button