การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงโปรแกรม บ็อกซิ่งเดย์ ประจำฤดูกาล 2019/20 จ่าฝูง หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟิดล์ ต้อนรับการมาเยือนของ หมาป่า วูล์ฟแฮมป์ตัน
เจ้าบ้าน หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ชุดใหญ่จัดเต็ม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกสตาร์ทยืนเป็นหน้าเป้า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ สนับสนุนในตำแหน่งจอมทัพ ส่วน อดัม ลัลลาน่า เกมนี้ได้ออกสตาร์ทก่อน นาบี เกอิต้า
ทางฝั่ง หมาป่า วูล์ฟ ภายใต้การนำทัพของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต เลือกทีมในระบบ 3-5-2 ดิเอโก้ โจต้า จับคู่กับ เปโดร เนโต้ ยืนล่าตาข่ายแดนหน้า แดนกลางมี รูเบน เนเวส เป็นแกนหลัก ส่วนเด็กเก่า ลิเวอร์พูล อย่าง คอเนอร์ โคอาดี้ ออกสตาร์ทตามเคย
📋 Today's #LIVWOL team news… https://t.co/hVyFySi1dg
— Liverpool FC (@LFC) December 29, 2019
นาทีที่ 4 เจ้าบ้าน ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะ อดัม ลัลลาน่า ไหลบอลออกข้างไปให้ เทรนท์ อาโนลด์ ก่อนเบิ้ลต่อทันทีเข้ากลางประตู โม ซาลาห์ ได้บอลพยายามจะยิงแต่ไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 14 หงส์แดง เกือบได้เฮก่อนอีกครั้งจากจังหวะเล่นเร็วลูกเตะมุม เทรนท์ อาโนลด์ รับบอลมาจาก ลัลลาน่า แล้วครอสเข้าไปในเขตโทษแนวรับ วูล์ฟ โหม่งสกัดมาเข้าทาง ไวจ์นัลดุม ยืนตั้งป้อมกดโล่ง ๆ แต่เหินข้ามคานอกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 20 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นต่อเนื่อง เมื่อ ฟาน ไดจ์ค สาดยาวขึ้นหน้ามาถึง มาเน่ โหม่งชงต่อไปให้ ซาลาห์ พักบอลแล้ววอลเลย์ด้วยเต็ม ๆ ข้อแต่บอลตรงผู้รักษาประตูเซฟเอาไว้ได้สบาย
นาทีที่ 30 หงส์แดง ยังเปลี่ยนเป็นประตูขึ้นนำไม่ได้จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ อาโนลด์ ฟิร์มิโน่ ได้โขกเต็ม ๆ หัวแต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
GOAL !!! นาทีที่ 42 ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ จาก ลัลลาน่า วิ่งแทรกระหว่างคู่เซ็นเตอร์ วูล์ฟ พยายามพักอกรับบอลวางยาว แต่ลูกไปโดนหัวไหล่กระดอนแรงกลายเป็นดีไปเข้าทาง มาเน่ วิ่งตามมาซัดด้วยขวาที่เสาแรกไม่เหลือซาก
จังหวะนี้ ผู้ตัดสินเช็ค VAR ภาพช้าชี้ชัดเป็นประตูชัดเจน เมื่อบอลไปโดนไหล่ลัลลาน่าไม่แฮนด์บอล และ มาเน่ วิ่งจากด้านหลังเข้ามายิงไม่ล้ำหน้า ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0
VAR !!! นาทีที่ 45+3 วูล์ฟ มาซัดตีเสมอได้สำเร็จในช่วงทดบาดเจ็บ จากบอลโต้กลับทางขวาให้จอนนี่ หลุดไปจนสุดเส้นหลัง คัทแบ็กคืนกลับเข้ากลาง เป็นเดนด็องเกอร์ ที่ข้ามบอลหลอกทำให้ลูกเลยไปถึง เนโต้ ได้ซัดเบียดโคนเสาผ่านมืออลิสซอนเข้าประตูไป
อย่างไรก็ตามมาตรฐานที่สุดเฮี้ยบของ VAR ก็เล่นงานวูล์ฟจนได้เมื่อกลายเป็นว่า จังหวะที่จอนนี่วิ่งเข้ารับบอลล้ำหน้าไปก่อนแบบนิดเดียวจริง ๆ โชคดีของทีมหงส์ ได้จบครึ่งแรกที่สกอร์นำ 1-0
Lively finish to the opening 45 minutes at Anfield. Mane's goal remains the difference. Neto's goal for the visitors disallowed just before the break.
[1-0] #LIVWOL https://t.co/d4Qn9LQDsV
— Liverpool FC (@LFC) December 29, 2019
นาทีที่ 67 โจต้า ทำได้เยี่ยมไปฉกบอลจากเท้าของฟาน ไดจ์ค ที่หน้าเขตโทษ ได้หลุดเดี่ยวยิงมุมแคบ ติดอลิสซอนไม่พลาด ปัดบอลทิ้งออกไปได้
นาทีที่ 83 โอกาสทองของ วูล์ฟ เมื่อ ฆิเมเนซ พักอกรับบอลวางยาวลงได้ดีในเขตโทษ ลิเวอร์พูล แต่จังหวะง้างไกมีโกเมซตามมาบล็อคได้ทัน
นาทีที่ 87 อดาม่า ตราโอเร ที่ลงมาเป็นตัวสำรองเกมนี้ ได้พาบอลขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเปิดเข้าเขตโทษ บอลเเลยไปเสาสอง เพื่อนโหม่งชงย้อนกลับมาให้ ชูเอา มูตินโญ่ ตั้งป้อมวอลเลย์ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปไกล
นาทีที่ 88 วูลฟ์ โหมอย่างหักทางฝั่งซ้าย คราวนี้บอลมาถึง ราอูล ฆิมิเนช ก่อนแต่งแล้วไหลให้ ซาอิส วิ่งมากดเต็มข้อด้วยซ้าย แต่บอลเหินข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้นอีกครั้ง
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย อดาม่า ตราโอเร่ ได้โชว์ความแข็งแกร่งด้วยการแหวกหนีผู้เล่น หงส์แดง 3 คน แล้วได้กดด้วยขวา บอลพุ่งแรงแต่ไม่ตรงกรอบ เฉียดเสาไปแบบหวุดหวิด
ANOTHER 3️⃣ POINTS! ✊ #LIVWOL https://t.co/4x2DWszGPb
— Liverpool FC (@LFC) December 29, 2019
หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ทำได้กับการเปิดบ้านล้มทีมฟอร์มดีอย่างวูล์ฟลงสำเร็จ 1-0 ทำสถิติชนะในบ้านติดต่อกันเป็นนัดที่ 17 เก็บ 30 แต้มเต็มในแอนฟิลด์ซีซั่นนี้ จบปีมีถึง 55 แต้มทิ้งรองจ่าฝูง เลสเตอร์เป็น 13 คะแนน และมี 1 นัดตุนอยู่ในมือ
Liverpool lead us into the New Year on 🔝 pic.twitter.com/xcBSZ6FFFm
— Premier League (@premierleague) December 29, 2019
ไฮไลท์ ลิเวอร์พูล 1-0 วูล์ฟ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – อดัม ลัลลาน่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
วูล์ฟ : รุย ปาตริซิโอ – ไรอัน เบนเน็ตต์, คอเนอร์ เคาดี้, แม็กซ์ คิลแมน – จอนนี่ กาสโตร, เลอันเดร เดนดองเกอร์, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน วินาเกร – เปโดร เนโต้, ดีโอโก้ โชต้า
