สื่อญี่ปุ่นเตือน หลังสาวญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย โดนยุงกัด ติดไวรัสซิกา
วานนี้ (2 พ.ย.) เพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น ได้แชร์ข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงในญี่ปุ่นขณะนี้ หลังหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 30 ปี จากเมืองคาเกคาวะ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิก้า (Zika) เพราะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ในช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อหญิงสาวรายดังกล่าวเดินทางกลับไปถึงบ้านที่ญี่ปุ่น ก็เริ่มมีอการผื่นขึ้น เมื่อไปพบแพทย์ก็ได้รับการวินิจฉัยว่า ได้ติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งตอนนี้ได้รับการรักษาจนหายแล้ว โดยทางการเชื่อว่าเชื้อดังกล่าวยังไม่น่าจะแพร่กระจายไปให้คนอื่น และทางการได้ขอให้ประชาชนระวัง อย่าให้ยุงกัดเมื่อเดินทางไปยังประเทศที่ระบาด หรือเสี่ยงต่อโรคนี้
ทั้งนี้ โรคไข้ซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งอยู่ในตระกูลฟลาวิไวรัส (Flavivirus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยยุงที่เป็นพาหะนำโรคไข้ซิกาเป็นชนิดเดียวกันกับยุงที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือชิกุนคุนยา (Chikungunya) และไข้เหลือง
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้ซิกาโดยเฉพาะ ซึ่งการรักษาทำได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้หรือบรรเทาอาการปวด อย่างไรก็ตาม ห้ามรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เนื่องจากยาบางชนิดเป็นอันตรายสำหรับโรคนี้ โดยอาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น
การป้องกันโรคไข้ซิกานี้ คือพยายามระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หากพบว่าตนเองมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ หรืออาการที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที และหญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด แต่หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรปรึกษาแพทย์และป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด
ที่มา Kapook และ เพจ ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น