ก่อนฉีดฟิลเลอร์จมูกต้องรู้! คู่มือเสริมจมูกโด่งแบบปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด

เสริมดั้งโด่งสวยด้วยฟิลเลอร์จมูก
อยากมีสันจมูกโด่งขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด เพิ่มมิติบนใบหน้าให้โดดเด่น ฉีดฟิลเลอร์จมูกคือคำตอบค่ะ เพราะใช้เวลาไม่นาน เห็นผลไว และไม่ต้องพักฟื้น ด้วยเทคนิคการฉีดที่ช่วยปรับรูปสันดั้งให้โด่งขึ้น คมชัด และมีความเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์จมูกจึงตอบโจทย์ทั้งความสวย ความสะดวก และความปลอดภัยในเวลาเดียวกันค่ะ
ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์จมูกมาฝาก ตั้งแต่การฉีดฟิลเลอร์จมูก คืออะไร ?เหมาะกับใคร ? ต่างจากการผ่าตัดเสริมจมูกอย่างไร ? เลือกยี่ห้อไหนดี ? รวมถึงควรดูแลตัวเองอย่างไร ? สามารถติดตามอ่านพร้อมกันได้เลยค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์จมูก คืออะไร ? เสริมจมูกโด่งได้อย่างไร ?

การฉีดฟิลเลอร์จมูก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เข้าไปบริเวณสันจมูก โดยฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความคงตัวสูง สามารถพยุงผิวและคงรูปทรงได้ดี จึงช่วยเสริมให้สันจมูกดูโด่งขึ้น มีความคม และเติมปลายจมูกได้แบบไม่ต้องผ่าตัด
โดยแพทย์จะประเมินโครงสร้างจมูกเดิม ความหนาของเนื้อจมูก และสัดส่วนใบหน้า ก่อนออกแบบตำแหน่งการฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์ช่วยเสริมสันจมูกให้ดูโด่งขึ้น หรือเติมปลายจมูกให้ดูยาวขึ้น เชิดขึ้น หรือเป็นทรงหยดน้ำอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
เช็กก่อนฉีด! ฟิลเลอร์จมูกเหมาะกับใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์จมูก เป็นหัตถการที่เหมาะกับคนที่อยากปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยได้รูปมากขึ้น แต่จะเหมาะกับตัวเองไหม ต้องมาเช็กกันก่อนค่ะ โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์จมูก ได้แก่
- ผู้ที่มีสันจมูกไม่ชัด หรือจมูกแบน อยากเพิ่มความโด่งให้เห็นสันจมูกชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีฮัมพ์เล็กน้อยบริเวณสันจมูก และต้องการปรับแนวสันให้เรียบ มีความสมมาตร
- ผู้ที่มีสันจมูกเดิมอยู่แล้ว แต่อยากแก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น เติมสันให้ชัดขึ้น หรือปรับปลายจมูกให้เป็นทรงหยดน้ำ
- ผู้ที่ยังไม่พร้อมเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก แต่ต้องการเสริมให้ดั้งดูโด่งขึ้น
- ผู้ที่เคยผ่าตัดเสริมจมูกมาแล้ว แต่ต้องการปรับเฉพาะจุดเพิ่มเติมให้ทรงจมูกดูสวยยิ่งขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์จมูกจึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากเห็นผลลัพธ์ดั้งโด่งขึ้นทันที ใช้เวลาทำไม่นาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์จมูก vs เสริมจมูก ต่างกันอย่างไร ? เลือกแบบไหนดี ?
การเสริมจมูกมีทั้งการฉีดฟิลเลอร์จมูก และการผ่าตัดเสริมซิลิโคน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ การทำให้จมูกให้โด่งขึ้น แต่มีความแตกต่างกันในด้านเทคนิคที่ใช้ วัสดุ ระยะเวลาพักฟื้น รวมถึงค่าใช้จ่าย การทำความเข้าใจทั้ง 2 วิธีนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายว่า วิธีไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
1. การฉีดฟิลเลอร์จมูก
เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) เข้าสู่บริเวณสันจมูก หรือปลายจมูก เพื่อปรับรูปทรงแบบชั่วคราว โดยไม่ต้องผ่าตัด ฟิลเลอร์จมูกเหมาะสำหรับการปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เพิ่มความสูงของสันจมูก ปรับแนวสันให้ดูเรียบ หรือเสริมปลายจมูกให้มีมิติมากขึ้น อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน ก่อนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถปรับแก้ไขได้ หากไม่พอใจกับผลลัพธ์
- เหมาะกับผู้ที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างแล้ว และต้องการปรับแต่งทรงเพียงเล็กน้อย
ข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เมื่อฟิลเลอร์สลาย
- ไม่เหมาะกับผู้ที่วางแผนจะผ่าตัดเสริมจมูกในอนาคต
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการสันจมูกโด่งมากหรือปรับแก้โครงสร้างจมูก
2. การผ่าตัดเสริมจมูก
เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมโดยใช้ซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนจากร่างกาย เพื่อเสริมความโด่งหรือแก้ไขโครงสร้างจมูกอย่างถาวร สามารถออกแบบและปรับแต่งทรงจมูกได้หลากหลาย ตามปัญหาและความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด

ข้อดีของการเสริมจมูก
- ให้ผลลัพธ์ถาวร
- สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้ชัดเจน เช่น ยกสันจมูก แก้จมูกเบี้ยว หรือปรับโครงสร้างภายใน
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการจมูกโด่งมาก หรือเปลี่ยนทรงจมูกอย่างชัดเจน
ข้อจำกัดของการเสริมจมูก
- ต้องผ่าตัด มีแผล และต้องใช้เวลาพักฟื้น
- ต้องดูแลหลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง
- หากเกิดปัญหา เช่น ซิลิโคนเคลื่อน เบี้ยว หรือทะลุ ต้องทำการผ่าตัดแก้ไขใหม่เท่านั้น
สรุปแล้วเลือกเสริมดั้งโด่งด้วยวิธีไหนดี ?
- มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้าง อยากปรับแต่งเพียงเล็กน้อย เห็นผลไว ไม่ผ่าตัด → ฉีดฟิลเลอร์จมูก
- จมูกแบน ต้องการทรงชัด เปลี่ยนโครงสร้างจมูก และผลลัพธ์ถาวร → ผ่าตัดเสริมจมูก
ทั้งนี้การประเมินโครงสร้างจมูกโดยแพทย์เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพื่อพิจารณารูปหน้า โครงสร้างและฐานจมูก รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ ก่อนแนะนำวิธีที่เหมาะสม ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว
ฉีดฟิลเลอร์จมูก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์จมูก ไม่อันตราย หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แต่หากฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ค่ะ

บริเวณจมูกมีเส้นเลือดสำคัญชื่อว่า Dorsal Nasal Artery ซึ่งเชื่อมต่อไปยังลูกตา หากฉีดผิดตำแหน่งหรือเกิดการอุดตันของเส้นเลือด อาจทำให้เกิดเนื้อตายหรือส่งผลต่อการมองเห็นได้ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์จมูก จึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้ด้านโครงสร้างจมูก และมีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์จมูก ใช้กี่ CC ถึงเห็นผล ?
โดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 1 CC ค่ะ ขึ้นอยู่กับฐานจมูกเดิม และทรงที่ต้องการของแต่ละคน หากใช้มากกว่า 1 CC หมายถึงฐานจมูกค่อนข้างน้อย ถ้าฝืนฉีดมากกว่า 1 CC แม้ช่วงแรกจะดูสวย แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน ทรงจมูกจะค่อย ๆ บานออก และสันไม่คมชัดเท่าเดิม เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่สามารถคงสภาพเป็นแท่งได้นาน กรณีนี้การผ่าตัดเสริมซิลิโคนจะตอบโจทย์มากกว่าค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์จมูก ราคาเท่าไหร่ ? เลือกยี่ห้อไหนดี ?
ราคาการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะอยู่ที่ประมาณ 15,000–17,000.-/1 CC ทั้งนี้ราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์จมูกต้องใช้เทคนิคการฉีดขั้นสูง และต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ในจุดอื่น รวมถึงอาจขึ้นอยู่กับโปรโมชันในแต่ละคลินิกค่ะ
สำหรับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ฉีดจมูก แพทย์มักแนะนำ Restylane Perlane Lyft เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น คงรูปได้ดี ไม่ฟูหลังฉีด สามารถทดแทนกระดูกอ่อนจมูกได้ เหมาะสำหรับการเสริมสันดั้งหรือปลายจมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์จมูกราคาโปรโมชัน ที่ V Square Clinic

หมายเหตุ : ราคาข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชันในแต่ละช่วง แนะนำให้สอบถามกับทางคลินิกอีกครั้งก่อนเข้ารับการบริการ
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จมูก เข้าที่เร็ว อยู่ได้นาน
หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ดี ลดอาการบวมช้ำ และช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- หลีกเลี่ยงการจับ กด นวด หรือสัมผัสบริเวณจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
- ใช้ยาหรือครีมลดบวมช้ำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน 1.5-2 ลิตร เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี และฟื้นตัวเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ควรนอนหงายและยกศีรษะให้สูงในช่วง 2–3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น อาบแดด อบซาวน่า หรือทำเลเซอร์ผิวหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายหนักในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
เผยทริคเลือกฉีดฟิลเลอร์จมูก ที่คลินิกไหนดี ปลอดภัย เห็นผล
การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์จมูกไม่ควรดูแค่ราคา เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับมาตรฐานสถานพยาบาล แพทย์ และฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นหลัก ก่อนตัดสินใจ ลองเช็กตามแนวทางต่อไปนี้
- คลินิกได้มาตรฐาน เปิดให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย มีป้ายชื่อสถานพยาบาลและเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักติดไว้ชัดเจน
- สถานที่สะอาด มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย ห้องทำหัตถการกว้างขวาง ทำเลดี เดินทางสะดวก
- แพทย์มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า ให้คำแนะนำตรงไปตรงมา ใช้เทคนิคที่เหมาะสม และสามารถนำชื่อ–นามสกุลไปตรวจสอบกับเว็บไซต์แพทยสภาได้ว่าเป็นแพทย์จริง
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. สามารถตรวจสอบบริษัทนำเข้าได้ ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่องใหม่ให้ดูทุกครั้ง และสามารถนำกล่องกลับบ้านเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ ปลอดภัย
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งภาพและวิดีโอ จากแหล่งข้อมูลที่เป็นกลาง และไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น Google map หรือ Facebook Review
- มีช่องทางติดต่อชัดเจนหลังทำ เช่น เบอร์โทรหรือ Line@ เพื่อให้ติดต่อแพทย์เจ้าของเคสได้โดยตรง หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์จมูกที่ V Square Clinic ทุกเคสจะได้รับการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์โดยเฉพาะ มีการแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าก่อนฉีด ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. พร้อมเทคนิคการฉีดที่เน้นความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการอุดตันของเส้นเลือด และมีการติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่สวยเป็นธรรมชาติและมั่นใจได้ในระยะยาว
สรุปเรื่องเสริมจมูกโด่งสวย ด้วยฟิลเลอร์จมูก
การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์จมูก ช่วยปรับให้ดั้งดูโด่งขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบเห็นผลเร็ว และไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม จมูกเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดสำคัญ จึงควรทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ แพทย์มากประสบการณ์ และประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยค่ะ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





