ข่าวต่างประเทศ

หญิงวัย 79 ทำกาแฟหกเอง ฟ้องแมคโดนัลด์ สุดท้าย ศาลสั่งชนะคดี

สรุปคดีตำนาน “กาแฟร้อนแมคโดนัลด์” หญิงวัย 79 ทำหกเอง ทำไมชนะคดี? เปิดยอดเงินจริงที่ไม่ถึงล้าน เบื้องหลังคำพิพากษาโลกตะลึง ที่ไม่ได้จบสวยเหมือนข่าวลือ

ย้อนบทสรุปมหากาพย์คดี Liebeck v. McDonald’s ปี 1994 หรือ คดีกาแฟร้อน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องคนหัวหมอฟ้องเอาเงิน แต่ความจริงโหดร้ายกว่านั้น นี่คือ 5 ข้อเท็จจริงสรุปเน้นๆ ที่เปลี่ยนคดีตลกให้กลายเป็นบทเรียนกฎหมายโลก ทีมข่าว The Thaiger จึงจะขอพาผู้อ่านย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริงในวันเกิดเหตุ สิ่งที่เกิดขึ้นในศาล และตัวเลขเงินชดเชยที่แท้จริง ซึ่งอาจเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อคดีนี้ไปตลอดกาล

ความเข้าใจผิดอันดับหนึ่งคือ หลายคนคิดว่า “สเตลลา ลีเบ็ค” (Stella Liebeck) หญิงชราวัย 79 ปี กำลังขับรถและดื่มกาแฟจนเกิดอุบัติเหตุ แต่ข้อเท็จจริงจากเอกสารคดีระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1992 ณ เมืองอัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก

ในวันนั้น ลีเบ็ค นั่งอยู่ที่ “เบาะข้างคนขับ” และรถได้ “จอดสนิท” อยู่ในลานจอดรถ เพื่อให้เธอเติมครีมและน้ำตาล เธอหนีบแก้วโฟมไว้ระหว่างหัวเข่าเพื่อเปิดฝา จังหวะนั้นเองที่แก้วยุบตัวลงและกาแฟร้อนจัดทั้งหมดหกใส่ตักของเธอ

ผลจากการหกครั้งนั้นรุนแรงกว่าที่คิด กาแฟอุณหภูมิสูงทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส ผิวหนังบริเวณหน้าตัก ก้น และอวัยวะเพศ ถูกลวกจนเป็น แผลไหม้ระดับที่ 3 (Third-degree burns) ซึ่งกินพื้นที่ถึง 6% ของร่างกาย และมีแผลไหม้ระดับอื่นรวมกว่า 16% ของร่างกาย

ลีเบ็คต้องนอนโรงพยาบาลนาน 8 วัน เพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin grafting) และต้องรักษาตัวต่อเนื่องอีกนานกว่า 2 ปี น้ำหนักตัวลดลงไปกว่า 9 กิโลกรัม จนเหลือเพียง 37 กิโลกรัม สภาพร่างกายของเธอทรุดโทรมลงอย่างชัดเจนจากเหตุการณ์นี้

ก่อนเรื่องจะถึงศาล ลีเบ็คและครอบครัวไม่ได้มีความคิดที่จะฟ้องร้องเรียกเงินมหาศาล เธอส่งจดหมายถึงแมคโดนัลด์เพื่อขอให้ช่วยรับผิดชอบ “ค่ารักษาพยาบาล” ที่เกิดขึ้นจริงและคาดการณ์ไว้ ซึ่งมียอดรวมประมาณ 10,000 – 11,000 ดอลลาร์ โดยเธอเสนอตัวเลขยุติเรื่องที่ 20,000 ดอลลาร์ (เพื่อชดเชยรายได้ที่ลูกสาวต้องหยุดงานมาดูแลเธอด้วย)

แต่ทางแมคโดนัลด์ปฏิเสธข้อเสนอนั้น และเสนอเงินช่วยเหลือกลับมาเพียง 800 ดอลลาร์ เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าพยาบาลแม้แต่น้อย ทำให้ครอบครัวตัดสินใจยื่นฟ้องศาล

คดีนี้กลายเป็นบทเรียนเกี่ยวกับความรับผิดชอบของบริษัท
หมายเหตุ : ภาพจำลองเหตุการณ์สมมติไม่ใช่สถานการณ์จริง

จุดเปลี่ยนในศาล อุณหภูมิ 88 องศาฯ และ 700 คดีร้องเรียน

ในการพิจารณาคดี ทนายฝ่ายโจทก์ไม่ได้สู้ในประเด็นว่า “ใครทำหก” แต่สู้ในประเด็น “ผลิตภัณฑ์อันตรายเกินความจำเป็น” หลักฐานระบุว่านโยบายของแมคโดนัลด์ในขณะนั้น กำหนดให้เสิร์ฟกาแฟที่อุณหภูมิ 180–190 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 82–88 องศาเซลเซียส) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นความร้อนที่สามารถลวกผิวหนังให้เสียหายรุนแรงได้ภายในเวลาเพียง 2-7 วินาที

มีการเปิดเผยเอกสารว่า ในช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้น แมคโดนัลด์ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีถูกกาแฟลวกมากถึง กว่า 700 ครั้ง นั่นหมายความว่าบริษัทรับรู้ถึงความเสี่ยงนี้มาตลอด แต่ไม่ได้มีมาตรการแก้ไขที่เพียงพอ หรือลดอุณหภูมิลงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยเหมือนร้านอื่น

บทสรุปของคดีนี้ คณะลูกขุนมองว่า แมคโดนัลด์มีความผิด 80% ส่วน ลีเบ็คมีความผิด 20% ฐานประมาทเลินเล่อที่ทำหกเอง ตัวเลขเงินรางวัลจึงถูกคำนวณดังนี้

  • ลูกขุนเคาะที่ 200,000 ดอลลาร์ แต่หักออก 20% ตามสัดส่วนความผิด เหลือ 160,000 ดอลลาร์
  • ลูกขุนต้องการสั่งสอนบริษัท จึงสั่งปรับ 2.7 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่ารายได้จากการขายกาแฟของแมคโดนัลด์เพียง 2 วัน)

แต่เดี๋ยวก่อน… ตัวเลข 2.7 ล้านดอลลาร์นั้น “เธอไม่ได้รับจริง” ผู้พิพากษาได้ใช้อำนาจลดค่าเสียหายเชิงลงโทษลงเหลือ 480,000 ดอลลาร์ (3 เท่าของค่าเสียหายชดเชย) ทำให้ยอดรวมตามคำพิพากษาอยู่ที่ประมาณ 640,000 ดอลลาร์

ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายต่างยื่นอุทธรณ์ และจบลงด้วยการ “ยอมความนอกศาล” (Settlement) โดยไม่มีการเปิดเผยตัวเลข แต่สำนักข่าว AP รายงานว่ายอดสุทธิน่าจะ ต่ำกว่า 600,000 ดอลลาร์ ซึ่งห่างไกลจากภาพจำ “เศรษฐีเงินล้าน” ที่สังคมเข้าใจผิดกันมาตลอด 30 ปี

อ่านบทความน่าสนใจอื่น ๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button