ข่าวต่างประเทศ

ลูกสาวหายตัว 14 ปี พ่อใจสลาย ย้อนสำนึก คำตวาด ในอดีต ต้นเหตุลูกไม่กลับบ้าน

ลูกสาวไม่ได้หายไปไหน แต่ “ไม่กล้ากลับบ้าน” เพราะคำพูดเดียว เผยชีวิตรันทดโดนโกงจนหมดตัว แอบดูพ่อลำบากแต่ไม่กล้าสู้หน้า จนคำถามไร้เดียงสาของหลานชายดึงสติกลับมา

จุดเริ่มต้นของฝันร้ายเกิดขึ้นในวันฝนพรำปี 2009 เมื่อ จาง เหวิน (Zhang Wen) ลูกสาววัย 18 ปี นำเงินเก็บก้อนสุดท้ายของครอบครัวจำนวน 8,000 หยวน (ราว 40,000 บาท) ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่คุนหมิง แต่หลังจากเครื่องขึ้น เธอก็ขาดการติดต่อนับตั้งแต่นั้น ข้อมูลเที่ยวบินว่างเปล่า ไร้เงาเช็คอิน สิ่งเดียวที่หลงเหลือคือกระเป๋าเป้ใบเก่าที่ถูกทิ้งไว้

ตลอด 14 ปี นายจาง พ่อของ จาง เหวิน ตัดสินใจขายบ้าน ลาออกจากงาน และตระเวนไปทั่วประเทศพร้อมรูปถ่ายลูกสาว เขาต้องอาศัยหลับนอนใต้สะพานและเก็บของเก่าประทังชีวิต ผมที่เคยดำสนิทเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน แต่ความหวังที่จะได้เจอลูกไม่เคยจางหาย

จนกระทั่งวันหนึ่ง บุรุษไปรษณีย์ได้นำจดหมายลงทะเบียนจ่าหน้าซองว่า “ถึงคุณจาง เจี้ยนกั๋ว” มาส่ง เมื่อเขาเห็นชื่อผู้ส่งระบุว่า “ลูกสาวจาง เหวิน” เข่าของชายชราก็อ่อนแรงจนทรุดลง แว่นตาตกลงบนตัก มือสั่นเทาขณะเปิดซองจดหมายด้วยความกลัวว่าจะเป็นข่าวร้าย

สิ่งที่ปรากฏคือภาพถ่ายของลูกสาวคู่กับชายหนุ่มและเด็กน้อย พร้อมข้อความลายมือขยุกขยิกที่คุ้นเคย เนื้อความในจดหมายเปรียบเสมือนมีดที่กรีดลงกลางใจผู้เป็นพ่อ

“พ่อคะ หนูขอโทษ หนูไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไปคุนหมิง ปีนั้นหนูแอบเปลี่ยนที่เรียนไปสมัครโรงเรียนเอกชนในปักกิ่ง แต่พอไปถึงกลับพบว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋น เงินทั้งหมดถูกขโมยไปเกลี้ยง หนูไม่กล้าโทรหาพ่อ กลัวโดนด่าว่าไม่เชื่อฟัง และกลัวพ่อจะผิดหวังในตัวหนู…”

จาง เหวิน สารภาพว่าเธอต้องทำงานล้างจานและแบกหามเพื่อเอาชีวิตรอด จนได้พบรักและสร้างครอบครัว เปิดร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ชีวิตเริ่มลงตัว แต่ความรู้สึกผิดยังคงกัดกินใจ

“ทุกปีหนูแอบกลับไปดูพ่อ เห็นพ่อเก็บผักเหลือทิ้งที่ตลาด เห็นพ่อแจกใบปลิวตามหาคน หนูแอบร้องไห้หลังต้นไม้แต่ไม่กล้าเข้าไปหา จนเมื่อเดือนก่อน ลูกชายถามหนูว่า ‘คุณปู่อยู่ไหน?’ หนูถึงรู้ว่าหนูหนีความจริงต่อไปไม่ได้แล้ว… พ่อคะ ถ้าพ่อยกโทษให้ มาหาพวกเราได้ไหมคะ”

หลังจากอ่านจบ นายจางนั่งนิ่งไปสิบนาทีก่อนจะปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็ก ความแค้นเคืองและความทุกข์ทรมานตลอด 14 ปี มลายหายไปเหลือเพียงประโยคเดียว “เด็กโง่เอ๊ย!” เขานึกย้อนไปถึงวันที่เคยตวาดลูกด้วยความโมโหว่า “ฉันไม่มีลูกดื้อด้านแบบแก!” คำพูดนั้นเองที่กลายเป็นกำแพงขังลูกสาวไว้ในความกลัว

บ่ายวันนั้น นายจางจับรถไฟมุ่งหน้าสู่ปักกิ่งทันที เมื่อไปถึงร้านของลูกสาว ทันทีที่จาง เหวิน เห็นพ่อ เธอก็โผเข้ากอดและร้องไห้โฮ นายจางได้แต่ลูบหัวลูกสาวและให้อภัยทุกอย่าง ปัจจุบันเขาได้ย้ายมาอยู่กับลูกสาว ช่วยดูแลร้านและรับส่งหลานไปโรงเรียนอย่างมีความสุข

เรื่องราวนี้นำไปสู่บทสรุปที่ศาสตราจารย์หลี่ จากสถาบันวิจัยครอบครัว มหาวิทยาลัยครูแห่งปักกิ่ง ได้ฝากข้อคิดไว้ว่า “พ่อแม่หลายคนใช้อำนาจนำหน้าความเข้าใจ เมื่อลูกทำผิด คำตำหนิจะกลายเป็นกำแพง แต่ความเข้าใจคือกุญแจไขประตูหัวใจ ไม่มีอุปสรรคใดในครอบครัวที่ความรักและความเข้าใจจะข้ามผ่านไม่ได้”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button