สื่อเขมรเล่นใหญ่ อ้างไทย กำลังมีปัญหากับอาเซียน บิดเบือนความจริงไม่ได้อีกต่อไป

สื่อกัมพูชาตีข่าวใหญ่ อ้างเหตุทหารไทยยิงปะทะเกิดขึ้นต่อหน้า AOT ตัวจริง ชี้ไทยกำลังมีปัญหากับทั้งอาเซียน และหลักฐานนี้จะส่งถึงสหรัฐฯ ทำให้ไทยดิ้นไม่หลุด
จากสื่อของกัมพูชาที่มีการอ้างว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงปะทะโดยฝ่ายไทย บริเวณด่านตรวจ CH1 ตำบลทมอดา อำเภอเวลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ เกิดขึ้นต่อหน้าทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จนทำให้ทีม AOT ต้องระงับภารกิจลงทันทีเพื่อความปลอดภัย
ในขณะที่ น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ระบุว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์ด้วยการโยนประทัด เพื่อกล่าวหาไทยหาเป็นฝ่ายโยนระเบิดใส่กัมพูชา พร้อมทั้งยังระบุด้วยว่า กลุ่มคนที่กัมพูชาอ้างว่าเป็น AOT แท้จริงเป็นทหารกัมพูชาใส่หมวก AOT
ด้านสื่อของกัมพูชา ระบุว่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุยิงปะทะจากฝ่ายไทย ซึ่งสร้างความหวาดกลัวและบางครั้งถึงขั้นทำให้ชาวกัมพูชาบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายไทยมักจะออกมาปฏิเสธด้วยคำพูดเดิม ๆ ว่าไม่เป็นความจริง เป็นข่าวปลอม กัมพูชาสร้างสถานการณ์ หรือปฏิเสธว่าไทยไม่ได้ทำ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ซึ่งมีทีม AOT เป็นพยาน จะทำให้ไทยไม่สามารถบิดเบือนความจริงได้อีกต่อไป

นอกจากนี้สื่อกัมพูชาอ้างว่า นับตั้งแต่มีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ กองทัพกัมพูชาถอนกำลังและหยุดยิงตามแผนทุกประการ
ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายไทยกลับละเมิดข้อตกลงแทบทุกวัน โดยเฉพาะในจุดที่คิดว่า AOT มองไม่เห็น แต่เหตุการณ์วันที่ 19 พฤศจิกายน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้แต่ต่อหน้าทีมสังเกตการณ์อาเซียน ฝ่ายไทยก็ยังกล้าละเมิดข้อตกลงอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งถือเป็นการทำลายข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างร้ายแรง
ที่ผ่านมา ไทยมักใช้กลยุทธ์ 3 ข้อเมื่อถูกกัมพูชาร้องเรียนเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เช่น ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำ โจมตีกลับว่ากัมพูชาสร้างข่าวปลอม (Fake News) เบี่ยงประเด็น โยนความผิดว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ครั้งนี้ไทยใช้มุกเดิมไม่ได้แล้ว เพราะเหตุเกิดต่อหน้า AOT ซึ่งเป็นตัวแทนของทั้งอาเซียน ไม่ใช่แค่กัมพูชา
คาดว่าทีม AOT จะรายงานเหตุการณ์นี้ไปยังอาเซียนและประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น สหรัฐฯ ซึ่งจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวไทยที่ดิ้นไม่หลุด หากไทยยังปฏิเสธ ก็เท่ากับปฏิเสธอาเซียน ไม่ใช่แค่กัมพูชา เหตุการณ์ยิงข่มขู่จน AOT ต้องหยุดทำงานนี้ จึงกำลังจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับอาเซียนแทน
เหตุการณ์วันที่ 19 พฤศจิกายน ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กัมพูชาไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับไทยในเหตุการณ์นี้ แต่กัมพูชากำลังทำหน้าที่เป็นพยานให้กับอาเซียน ในการพาทีม AOT เข้าตรวจสอบพื้นที่จริง
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาถูกทหารไทยละเมิดอธิปไตยตามแนวชายแดนมาโดยตลอด ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ฝ่ายไทยมักใช้วิธีสร้างเรื่องเท็จและโยนความผิดให้กัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะมีพยานสากลอย่าง AOT อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นความจริงที่ไทยไม่อาจบิดเบือนได้
หากไทยยังดื้อดึงปฏิเสธความรับผิดชอบ ไทยต้องตระหนักว่านี่ไม่ใช่การปฏิเสธกัมพูชา แต่เป็นการปฏิเสธกลไกสากลของอาเซียน นี่ถือเป็นชัยชนะสำคัญของยุทธศาสตร์ “นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว” ของกัมพูชา ที่ไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ แต่ใช้กฎหมายระหว่างประเทศและกลไกอาเซียนเพื่อเปิดเผยความจริงให้โลกได้รับรู้
ที่มา: FRESH NEWS
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “บิ๊กเล็ก” คาด ปักหมุดชั่วคราวเสร็จ ธ.ค.นี้ ดึง AOT ร่วมพยาน กันเขมรตุกติก
- ทัพภาค 2 ชี้เขมรวางทุ่นระเบิด เจตนาลวงเข้าไปในพื้นที่สังหาร หมายเอาชีวิต
- นางงามกัมพูชา ใส่ร้ายทหารไทยล่วงละเมิดสาวเขมร ขอประณามเรื่องป่าเถื่อน
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



