ข่าว

ชาติแรก สิงคโปร์เตรียมเก็บ “ภาษีเชื้อเพลงการบิน” จากผู้โดยสาร คนละ 260-1,000 บาท

นักเดินทางเตรียมพร้อม สิงคโปร์จ่อเก็บ “ภาษีเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน” จากผู้โดยสารสนามบิน โดยผู้เดินทางจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 260-1,000 บาท

สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS) เปิดเผยแผนการจัดเก็บ “ภาษีเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน” (Sustainable Aviation Fuel – SAF) โดยอัตราภาษีเชื้อเพลิงจะแตกต่างกันไปตามเส้นทางและชั้นโดยสารที่ผู้โดยสารเลือกเดินทาง

สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด (Economy) และพรีเมียมอีโคโนมี (Premium Economy) ที่เดินทางในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนจะจ่ายเพิ่ม 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 25 บาท) ขณะที่เที่ยวบินระยะไกลไปยังทวีปอเมริกา จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 10.40 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 260 บาท) ส่วนผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) และชั้นหนึ่ง (First Class) จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่อาจสูงสุดถึง 41.60 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 1,000 บาท สำหรับเที่ยวบินระยะไกล

สิงคโปร์จะเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวกับตั๋วโดยสารที่จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2026 สำหรับเที่ยวบินที่ออกเดินทางจากสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปีเดียวกัน เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่แวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์แต่อย่างใด ส่วนเที่ยวบินขนส่งสินค้าจะถูกเก็บภาษีในอัตราส่วนตามน้ำหนักที่คิดเป็นกิโลกรัม

การลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบินถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แม้ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรปจะระบุว่าอุตสาหกรรมการบินจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 1.2% ของโลก เนื่องจากความต้องการเดินทางที่สูงขึ้น สวนทางกับต้นทุนเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ที่ยังคงสูงลิ่ว และมีปริมาณการผลิตที่จำกัดมาก ข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) พบว่า แม้การผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนจะขยายตัวถึง 2 เท่าเมื่อปี 2024 แต่ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.3% ของเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นทั้งหมดเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวของสิงคโปร์ยังเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ COP30 ที่บราซิล และแม้ตัวเลขภาษีจะดูสูง แต่ก็ยังต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ในตอนแรก เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนในตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้สามารถกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าคาดได้ ส่วนเงินที่ได้จากค่าธรรมเนียมก้อนนี้จะถูกนำไปใช้ซื้อเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุชีวภาพทางการเกษตร โดยสิงคโปร์ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนจาก 3% เป็น 5% ภายในปี 2030

อ้างอิง : milelion.com

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button