งานก่ออิฐบล็อกดูเหมือนเป็นงานสายช่างที่ง่าย แค่ผสมปูน ฉาบ ก่ออิฐให้เป็นเนื้อเดียวกันก็เป็นอันเสร็จแล้ว แต่อย่าเพิ่งประมาท เพราะหากละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่วางแผนการก่ออิฐบล็อกให้ละเอียด รอบคอบตั้งแต่แรก อาจทำให้ผนังแตกร้าว หรือทรุดตัวได้ในระยะยาวได้ วันนี้เราเลยขอมาแนะนำวิธีก่ออิฐบล็อกให้แข็งแรงและคงทน ที่ช่างมืออาชีพและเจ้าของบ้านควรรู้ เพื่อให้ผนังบ้านสวย แข็งแรง และอยู่ทนนานมากขึ้น ตามมาดูเลย!
1. เตรียมพื้นและแนวก่อให้ได้ระดับ
ก่อนเริ่มงานก่อ สิ่งแรกที่ต้องตรวจเช็กคือ “พื้นฐานของแนวผนัง” ฐานคอนกรีตที่จะวางอิฐต้องเรียบ สะอาด และไม่มีเศษวัสดุเหลือค้าง เพราะจะทำให้แนวอิฐไม่สม่ำเสมอ การขึงเชือกแนวหรือใช้ระดับน้ำตรวจสอบแนวดิ่งและแนวนอนตั้งแต่แถวแรกถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากแนวแรกเอียง แนวต่อไปก็จะผิดทั้งหมด การเริ่มต้นอย่างละเอียดจึงช่วยลดความผิดพลาดและทำให้ผนังดูเรียบตรงตลอดแนว
2. ผสมปูนในอัตราส่วนที่เหมาะสม
การผสมปูนคือขั้นตอนสำคัญของวิธีก่ออิฐบล็อกที่ดี แต่ช่างหลายคนมักมองข้าม แต่ในความจริงแล้วเนื้อปูนที่ได้มาตรฐานจะเป็นตัวเชื่อมให้อิฐยึดแน่นกันได้ดี ปูนก่อควรมีความหนืดกำลังดี ไม่เหลวจนไหลหรือแข็งจนทาไม่ติด ควรผสมปูนซีเมนต์กับทรายในอัตราส่วนที่ถูกต้อง และไม่เติมน้ำมากเกินไป เพราะจะลดความแข็งแรงของโครงสร้าง การผสมปูนที่ได้สัดส่วนพอดีจะช่วยให้รอยต่อแน่น ลดการแตกร้าวของผนังหลังแห้งตัวนั่นเอง
3. ก่ออิฐให้ตรงแนวและเว้นรอยต่อให้พอดี
ระหว่างการก่อ ต้องตรวจสอบแนวผนังอย่างสม่ำเสมอในทุกแถว โดยใช้ระดับน้ำหรือเชือกแนวช่วยกำหนดความตรงของผนัง ควรเว้นรอยต่อระหว่างก้อนอิฐประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อให้ปูนแทรกเข้าเต็มพื้นที่รอยต่อ ทำให้ยึดเกาะได้แน่นและช่วยให้ผนังขยายตัวตามอุณหภูมิได้เล็กน้อยโดยไม่แตกร้าว ที่สำคัญคืออย่าก่อชิดเกินไป เพราะจะทำให้ปูนไม่สามารถกระจายแรงได้ทั่วถึง
4. ก่อแบบสลับแนว (Half-block) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
วิธีก่ออิฐบล็อกแบบสลับแนวหรือที่เรียกว่า “ก่อครึ่งบล็อก” เป็นเทคนิคที่ช่วยกระจายแรงในแนวผนังได้ดี โดยให้รอยต่อของก้อนอิฐในแถวบนอยู่กึ่งกลางของก้อนอิฐแถวล่าง เทคนิคนี้ช่วยให้ผนังไม่เกิดแนวรอยต่อยาวต่อเนื่อง ซึ่งมักเป็นจุดอ่อนที่แตกร้าวง่าย และไม่ควรก่อผนังสูงเกิน 1.2 เมตรภายในวันเดียว เพื่อให้ชั้นล่างมีเวลารับน้ำหนักและปูนเซตตัวก่อน
5. เสริมเหล็กในแนวเสาและคาน
หากเป็นผนังที่ต้องรับน้ำหนักมากหรือมีความสูงเกินมาตรฐาน ควรเสริมเหล็กในแนวเสาและคานตามตำแหน่งที่กำหนด การสอดเหล็กเส้นในช่องอิฐและเทปูนทับจะช่วยให้ผนังรับแรงดึงและแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนจากรถยนต์หรือแรงลม การเสริมเหล็กยังช่วยลดปัญหาผนังแตกร้าวในระยะยาวอีกด้วย
6. พรมน้ำให้ปูนเซตตัวอย่างเหมาะสม
อีกหนึ่งวิธีก่ออิฐบล็อกที่ดีคือหลังจากก่อเสร็จควรพรมน้ำเบาๆ บนผิวอิฐและแนวปูนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วง 2–3 วันแรกหลังการก่อ เพื่อให้ปูนเซตตัวช้าและสม่ำเสมอ การปล่อยให้ผนังแห้งเร็วเกินไปจะทำให้ปูนแตกร้าวได้ง่าย เทคนิคนี้เรียกว่า “การบ่มปูน” ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างได้มากกว่าที่หลายคนคิด
7. เลือกใช้อิฐบล็อกคุณภาพดีและได้มาตรฐาน
อิฐที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีรูพรุนมาก ไม่คงรูป หรือดูดซึมน้ำได้สูง ซึ่งเป็นสาเหตุของการแตกร้าวและหลุดร่อนในภายหลัง ฉะนั้นเราควรเลือกอิฐบล็อกที่มีความหนาแน่นสูง ผิวเรียบ และขนาดเท่ากันทุกก้อน เพื่อให้งานก่ออิฐบล็อกออกมาสวยและแข็งแรงมากขึ้น
วิธีก่ออิฐบล็อกให้แข็งแรงไม่ใช่เรื่องยาก หากใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมพื้น ผสมปูน จนถึงการดูแลหลังงานเสร็จ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกใช้อิฐบล็อกที่มีคุณสมบัติดี ได้มาตรฐาน และผลิตด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำแบบ ECOMAT ที่แข็งแรง ทนทาน ขนาดมาตรฐาน เท่ากันทุกก้อน ดูดซึมน้ำน้อย เก็บเสียงและกันความร้อนได้ดี ผิวเรียบ ฉาบง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเหมาะกับทั้งงานก่อผนังทั่วไปและงานโครงสร้างที่ต้องการความทนทานในระยะยาว
เพราะ “ผนังที่ดี” เริ่มจาก “อิฐที่ดี” เลือกใช้อิฐบล็อกคุณภาพจาก ECOMAT เพื่อบ้านที่แข็งแรงและมั่นคงไปอีกหลายสิบปี สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและตรงความต้องการได้ที่ 02 512 5956 หรือ info@ecomat.co.th
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
