เปิดหลักเกณฑ์ ขอพระราชทานอภัยโทษ ทำอย่างไร ‘ทักษิณ’ มีสิทธิไหม

การขอพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แก่ผู้ต้องโทษซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว โดยอาจได้รับการปล่อยตัวหรือลดโทษ แล้วแต่กรณีตามพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยเกอร์ จะสรุปหลักเกณฑ์และขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจกระบวนการดังกล่าวอย่างชัดเจน
การพระราชทานอภัยโทษ มี 2 ประเภท
1. การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป
เป็นการพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์จำนวนมาก โดยจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกา มักเกิดขึ้นในวโรกาสสำคัญที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชพิธีกาญจนาภิเษก ในกรณีนี้ ทางราชการจะดำเนินการให้ทั้งหมด ผู้ต้องราชทัณฑ์ไม่ต้องยื่นเรื่องใดๆ
2. การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย
เป็นการพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษเป็นรายบุคคล ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ และผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์
ใครมีสิทธิยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย
ผู้มีสิทธิยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ประกอบด้วย
- ผู้ต้องโทษซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว
- ผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง เช่น พ่อแม่ ลูก หรือคู่สมรส
- สถานทูต (กรณีผู้ต้องโทษเป็นชาวต่างชาติ)
ทั้งนี้ ทนายความไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องในการยื่นฎีกาฯ

ยื่นฎีกาได้เมื่อไหร่
ผู้ต้องโทษกรณีทั่วไป สามารถยื่นได้ทันทีเมื่อคดีถึงที่สุด ส่วนผู้ต้องโทษประหารชีวิต ต้องยื่นภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ขั้นตอนการยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย
1. ผู้ต้องโทษหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องสามารถยื่นเรื่องราวผ่านหน่วยงานต่างๆ ได้ เช่น เรือนจำ/ทัณฑสถาน, กระทรวงยุติธรรม, สำนักราชเลขาธิการ หรือกระทรวงการต่างประเทศ (สำหรับชาวต่างชาติ)
2. ไม่ว่าจะยื่นเรื่องผ่านหน่วยงานใด ฎีกาทุกเรื่องจะถูกส่งไปยังเรือนจำหรือทัณฑสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องโทษ เพื่อดำเนินการสอบสวนและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3. เมื่อรวบรวมเอกสารครบถ้วน กรมราชทัณฑ์จะเสนอเรื่องและความเห็นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อลงนาม
4. เรื่องจะถูกส่งผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย
5. เมื่อมีพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ผลของฎีกาจะถูกส่งกลับมายังกรมราชทัณฑ์ เพื่อแจ้งให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน และผู้ยื่นเรื่องราวทราบต่อไป
ผลของการพระราชทานอภัยโทษ
กรณีอภัยโทษเด็ดขาดโดยไม่มีเงื่อนไข ให้หยุดการบังคับโทษทันที หากบังคับโทษไปบ้างแล้วก็ให้ปล่อยตัว ถ้าเป็นโทษปรับที่ชำระไปแล้ว ให้คืนค่าปรับทั้งหมด กรณีเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาหรือลดโทษ ให้บังคับโทษที่ยังเหลืออยู่ต่อไปตามที่ได้รับการลดโทษ
ทั้งนี้ การได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ได้ทำให้ผู้รับพ้นความรับผิดในการคืนทรัพย์สิน ใช้ราคาทรัพย์สิน หรือจ่ายค่าทดแทนตามคำพิพากษาในทางแพ่ง
เท่ากับว่า พระราชทานอภัยโทษ ยกโทษให้ทางอาญา แต่ไม่ยกโทษทางแพ่ง
อ้างอิง: กรมราชทัณฑ์
ทักษิณ ชินวัตร ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2
ความคืบหน้ากรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเป็นครั้งที่ 2 ล่าสุด พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาข้อกฎหมาย หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกส่งกลับมาจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยคณะกรรมการชุดนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน เพื่อตรวจสอบว่าสามารถดำเนินการตามคำขอได้หรือไม่ ก่อนเสนอเรื่องกลับไปยัง สลค. อีกครั้ง
การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลฎีกาฯ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุกนายทักษิณต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนก่อน ได้มีความเห็นให้ “ยกฎีกา” โดยอ้างอิงตามแนวคำสั่งของศาลฎีกา ขณะนี้กระบวนการทั้งหมดจึงอยู่ระหว่างการพิจารณาทางกฎหมายของคณะกรรมการชุดใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตีกลับ “ทักษิณ” ยื่นทูลเกล้าขออภัยโทษ สั่งพิจารณาข้อกฎหมาย 3 วัน
- ด่วน! สั่งเด้งแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เซ่นคดี “ทักษิณ” ชั้น 14
- อุ๊งอิ๊ง-เอม เยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร ในเรือนจำเผยนำ ‘หนังสือธรรมะ’ เป็นของฝากให้พ่อ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: