ข่าว

“พล.อ.ทรงวิทย์” น้ำตาคลอ เล่าเบื้องหลังยุทธการยึด “ภูมะเขือ” เห็นธงไทย ลั่น เราไม่แพ้แน่นอน

“พล.อ.ทรงวิทย์” เล่าเบื้องหลังสมรภูมิภูมะเขือ ทั้งน้ำตา เผยถึงวันที่มืดมนที่สุด ที่ปกป้องประชาชนไม่ได้ พร้อมสดุดีวีรกรรมทหารพราน-ตชด. สู้ไม่ถอยจนปักธงไทยได้สำเร็จ

นางสาววาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องราวของ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กับเบื้องหลังสมรภูมิรบชายแดนไทย-กัมพูชา และปฏิบัติการยึดภูมะเขือ คืนอย่างดุเดือด ในพิธีส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา

“พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เล่าสมรภูมิรบกัมพูชา พิธีส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด 30 ก.ย. ว่า วันที่ 23 ก.ค. 2568 ผมอยู่ในพื้นที่ นพค. กำลังทำถนนอยู่ และมันก็ใกล้ชายแดนมาก ประมาณ 16.00 น. ทหารเหยียบทุ่นระเบิดห่างจากที่ผมอยู่ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ทราบว่าคงจะต้องมีสถานการณ์เกิดขึ้น ประมาณ 17.00 น. ผมจึงลงเขามานอนที่เต้นท์กับลูกน้องหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาที่ไปทำถนนขึ้นเขาที่จังหวัดหนึ่ง

พอตี 2 รับทราบว่า แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งการปิดปราสาทตาเมือนธม ก็รับทราบว่าน่าจะมีการตอบโต้แน่ จึงขอให้เครื่องบินมารับไปกรุงเทพตอนตี 4 เวลา 7.30 น. ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพในที่ลับที่หนึ่ง ได้ถามผบ.ทบ.ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ท่านก็เล่าให้ฟัง ถามผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.ว่าพร้อมไหม ท่านก็บอกว่าพร้อม และเราได้มีการซักซ้อมแผนโต้ตอบมาแล้วหลายครั้ง

คุยกันเสร็จจึงตัดสินใจอนุมัติใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ และนำไปสู่ปฏิบัติการยุทธบดินทร์ ผบ.ทบ.ก็ลงไปหน้าแนว ผบ.ทอ. ไปที่ศูนย์ควบคุมปฏิบัติการทางอากาศที่กองบิน ผบ.ทร. ไปดูเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลังนาวิกโยธินเข้ามาในพื้นที่และกำลังทางเรือที่ออกในทะเลด้วย วันที่ 24 ก.ค. ผมกลับมาที่กองบัญชาการกองทัพไทย

พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขณะกล่าวสุนทรพจน์
FB/ Wassana Nanuam

สิ่งที่ปวดใจมากที่สุด คือมีรายงานว่าจรวดของฝ่ายกัมพูชาตกที่ปั้มน้ำมัน ตอนนั้นยังไม่รู้ความสูญเสีย แต่รู้ว่าเป้าหมายพลเรือนไม่ปลอดภัย ดังนั้นจึงต้องประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างรวดเร็ว นำวิถีของอาวุธยิงมาคำนวณและเคลื่อนย้ายพลเรือนออกจากแนวให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าหลายคนไม่คุ้นเคยและเป็นห่วงทรัพย์สิน เราก็ต้องมานั่งคิดเรื่องการเฝ้าทรัพย์สินให้เขาด้วย

ตอนเที่ยงผมได้รับรายงานว่ามีประชาชนผู้บริสุทธิ์และเด็กที่เสียชีวิต ตอนนั้นเป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตการรับราชการของผม เพราะกองทัพมีหน้าที่ปกป้องประชาชน แต่วันนั้นเราทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ (ในระหว่างนี้พลเอกทรงวิทย์มีน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอ) ผมใช้เวลาตั้งสติสักพักและต้องลุยกันต่อ และมุ่งความสนใจไปที่หน้าแนว

การเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไม่เหมือนเป็นแม่ทัพ เพราะว่าต้องดูทั้งสามแนวคือ บก เรือ อากาศ และไซเบอร์ และ space ด้วย แต่วันนั้นเราถูกระดมยิงหนักมากในพื้นที่ที่เขายิงเขามาจากช่องบก จนถึงช่องสายตะกู 384 กิโลเมตร ในการที่เขมรเลือกที่จะรบกว้างขนาดนี้ ทำให้อาวุธยิงสนับสนุนของเราไม่ได้เคลื่อนย้ายง่ายขนาดนั้น ซึ่งมันไม่เหมือนปี 2554 โดยสิ้นเชิง

ขอให้ใจทหารพราน และ ตชด. เหตุผลก็คือ เพราะเขาถูกถล่มจนเสื้อผ้าแทบไม่เหลือ แต่เขาไม่ทิ้งแนว “วันนั้นไม่มีทหารพรานและ ตชด. สักคนที่วิ่งลงมาจากแนว แล้วบอกว่าผมไม่ไหว” จากนั้น ราว 15.00 น. “บุ๊ง” พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ รองผบ.ตชด. ซึ่งตอนนี้ กำลังเป็น ผบ.จชด.คนใหม่ บอกว่า “พี่ครับ RPG ผมหมด”

ผมบอกว่าจะหาให้ อันนี้คือ สัญชาตญาณนักรบไทยที่เราช่วยกัน แต่อยากให้จำไว้ว่า วันที่ 24 กรกฎาคม ทหารพรานและ ตชด. ไม่ทิ้งแนว แม้ว่าเขาจะไม่มีอาวุธสนับสนุนอะไรเลย วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เราเริ่มปรับขบวน เพราะวันที่ 24 กรกฎาคม เราถูกรุก ตอนนี้เรารู้แล้วว่าต้องมุ่งความสนใจที่พื้นที่ไหน

วันนี้มีหลายพื้นที่ที่มุ่งความสนใจ แต่พื้นที่หนึ่ง ที่มุ่งความสนใจเป็นพิเศษเพราะพี่น้องหน่วยปฏิบัติการพิเศษปฏิบัติงานเยอะคือ ภูมะเขือ ซึ่งเริ่มเข้าตีตั้งแต่ตอนบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งเราเสียสิบเอก จิรายุส อินทุมาน ไป 1 คน เมื่อเช้าผมได้เจอพ่อของเขา พ่อของเขาเคยอยู่ ร.11 ด้วยกัน และได้คุยกัน พ่อเขานิ่งมากและบอกว่า ลูกผมกล้าหาญมาก ผมบอกว่าใจ และเข้าใจเลยว่าความกล้าหาญของพ่อ มีอยู่ในตัวของลูก

คืนนั้นทั้งคืน รู้ว่ามีการปฏิบัติ ภูมะเขือลักษณะเป็นจะงอย เขมรเข้าตีทางด้านข้าง ดังนั้นจะมีกำลังอยู่ 3 ก้อน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ก็เข้าปฏิบัติร่วมกับหน่วยของกองกำลังสุรนารี ตียึดไปเรื่อย ๆ ตลอดวันที่ 25 ก.ค. ก็ยัง 50:50

วันที่ 26 ก.ค. เช้ามืด ผมตื่นมาตอนตี 3 เพราะรู้ว่าจะมีปฏิบัติการตอนเช้ามืดแต่ไม่ได้สื่อสารกับหน้าแนว แต่ทราบจากระบบสื่อสารของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ยึดได้และขอให้เพื่อนร่วมชีวิตของเรา รอดปลอดภัย แต่ก็ยังไม่ได้รับข่าว พอประมาณ 7.00 น. ได้รับข่าวจาก ผบ หน่วยรบพิเศษ ยึดได้แล้ว 90% จากวันแรกที่ เป็นจุดต่ำที่สุดจนวันนี้ ขอเวลาอีกนิดเดียว

ท่านเชื่อหรือไม่ว่า จุดที่เปลี่ยนโมเมนตั้มของการสู้รบครั้งนี้คือ ภาพแรกของธงไตรรงค์ บนภูมะเขือซึ่ง ถูกส่งมาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษว่า เราปักธงไทยสำเร็จ “วันนั้นในใจผมรู้แล้วว่า เราไม่แพ้แน่นอน เราทำได้ ถ้าจิตวิญญาณนักรบยังเป็นแบบนี้อยู่เราทำได้” พลเอกทรงวิทย์ได้โชว์ภาพธงชาติไทยพิเศษทำเป็นที่ระลึกใส่กรอบให้ด้วย”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button