ข่าวต่างประเทศ

บทวิเคราะห์ ชี้ สงครามข่าวสาร ไทย เน้นตั้งรับ-ช้า ขาดเอกภาพ เข้าเป้าแค่ปม ทุ่นระเบิด

บทวิเคราะห์ชี้ กัมพูชาได้เปรียบ “สงครามข่าวสาร” จากความรวดเร็วและเชี่ยวชาญในการสร้างข่าวปลอม ขณะที่ไทยตั้งรับ-ช้า-ขาดเอกภาพในการสื่อสาร แต่เริ่มพลิกเกมด้วยการใช้ประเด็น “ทุ่นระเบิด”

แม้เสียงปืนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจะเงียบสงบลงแล้ว แต่ “สงครามน้ำลาย” หรือสงครามข้อมูลข่าวสารกลับยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด โดยทั้งสองประเทศต่างพยายามช่วงชิงความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศและสร้างการสนับสนุนภายในชาติ แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์สื่อและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยเอง ดูเหมือนว่าในสมรภูมินี้ ประเทศไทยจะกำลังเป็นฝ่ายตั้งรับและตามหลังอยู่หนึ่งก้าวเสมอ

กัมพูชารวดเร็ว ดุดัน และเชี่ยวชาญ

“การรับรู้คือ กัมพูชาดูจะมีความคล่องแคล่ว, ดุดัน และเชี่ยวชาญด้านสื่อมากกว่า” คือบทสรุปของ แคลร์ พัชริมนต์ ที่กล่าวไว้ในพอดแคสต์ Media Pulse ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งสะท้อนภาพการสื่อสารของฝ่ายกัมพูชาได้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้น กองทัพนักรบบนโซเชียลมีเดียของกัมพูชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสื่อภาษาอังกฤษที่ควบคุมโดยรัฐ ได้ปล่อยข่าวปลอมและข้อกล่าวหาที่ปลุกปั่นออกมาเป็นระลอก

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการรายงานข่าวว่าเครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยถูกยิงตก โดยใช้ภาพเครื่องบินที่กำลังลุกไหม้จากสงครามในยูเครน หรือการกล่าวหาว่าไทยใช้แก๊สพิษ โดยใช้ภาพเครื่องบินบรรทุกน้ำทิ้งสารหน่วงไฟสีชมพูจากเหตุไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย แม้ข่าวเหล่านี้จะไม่เป็นความจริง แต่ความรวดเร็วและปริมาณที่ถูกปล่อยออกมาก็สามารถสร้างความสับสนและชี้นำได้สำเร็จ

เซบาสเตียน สแตรงจิโอ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองกัมพูชาและผู้เขียนหนังสือ “Hun Sen’s Cambodia” วิเคราะห์ว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน มีความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการใช้ “ยุทธวิธีที่ไม่สมมาตร” เพื่อขยายรอยร้าวที่มีอยู่แล้วในสังคมการเมืองไทย และข้อเท็จจริงที่ว่า “กัมพูชาเก่งมากในการเล่นบทผู้ถูกกระทำ” ก็ได้มอบอาวุธที่ทรงพลังให้แก่พวกเขาในการต่อสู้กับไทยในเวทีระหว่างประเทศ

ภาพจาก: FRESH NEWS

ไทยตั้งรับ ช้า และขาดเอกภาพ

ในทางตรงกันข้าม การตอบโต้ของฝ่ายไทยมักจะเป็นไปในลักษณะของการตั้งรับและล่าช้า โดยมักจะมาในรูปแบบของแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่เต็มไปด้วยสถิติที่แห้งแล้ง และที่สำคัญคือมาจากหลายหน่วยงานที่ดูเหมือนจะไม่ได้ประสานงานกันเป็นเอกภาพ ทั้งกองทัพ, รัฐบาลท้องถิ่น และกระทรวงต่างๆ ทำให้สารที่ส่งออกไปขาดพลังและความต่อเนื่อง รัฐบาลกรุงเทพฯ ล้มเหลวในการสื่อสารประเด็นสำคัญที่ว่า กัมพูชาคือฝ่ายที่เริ่มใช้ปืนใหญ่ก่อนและทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิต

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากปัญหารอยร้าวภายในประเทศ ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับกองทัพ และที่ชัดเจนที่สุดคือการที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ปล่อยคลิปเสียงสนทนาส่วนตัวกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นการบั่นทอนอำนาจของรัฐบาลไทยอย่างรุนแรงในช่วงเวลาที่วิกฤตกำลังคุกรุ่น ขณะที่กัมพูชามีสมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นศูนย์กลางบัญชาการที่เบ็ดเสร็จและสื่อสารอย่างต่อเนื่องผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ภาพลักษณ์ผู้นำของฝ่ายไทยกลับดูแตกแยก โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่แม้จะได้รับความนิยมจากแนวคิดชาตินิยม แต่ก็เป็นการบ่อนทำลายอำนาจของรัฐบาลกลางไปในเวลาเดียวกัน

พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. กำลังแถลงข่าว
ภาพจาก: FB/ ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา – Team Thailand

พลิกเกมสู้เมื่อ ทุ่นระเบิด กลายเป็นอาวุธสื่อสารของไทย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฝ่ายไทยจะเริ่มค้นพบยุทธศาสตร์การสื่อสารที่ทรงพลังมากขึ้น นั่นคือการหยิบยกประเด็น “ทุ่นระเบิด” ขึ้นมาเป็นหัวหอกในการตอบโต้ การที่ไทยกล่าวหาว่าทหารกัมพูชากำลังลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ที่ผลิตในรัสเซีย ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคีสมาชิก ได้สร้างความกระอักกระอ่วนให้แก่รัฐบาลพนมเปญอย่างมาก

ที่สำคัญคือ ไทยไม่ได้ใช้เพียงแค่คำพูด แต่ได้เปลี่ยนยุทธวิธีเป็นการ “แสดงหลักฐานเชิงประจักษ์” ด้วยการนำคณะทูตและสื่อมวลชนลงพื้นที่ชายแดน เพื่อให้เห็นกับตาทั้งทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้ซึ่งบางส่วนยังดูใหม่เอี่ยม และพื้นที่ที่ถูกวางทุ่นระเบิดไว้ล่าสุด ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ทรงพลังและน่าเชื่อถือกว่าแถลงการณ์ที่เป็นตัวอักษร

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “สิ่งที่เราพูดจะต้องน่าเชื่อถือและสามารถพิสูจน์ได้ นั่นคืออาวุธเดียวที่เราสามารถใช้ต่อสู้ในสงครามนี้ได้ และเราต้องยึดมั่นในสิ่งนั้น แม้ว่าบางครั้งมันจะดูเหมือนว่าเราไม่เร็วพอก็ตาม” ซึ่งยุทธศาสตร์การใช้ประเด็นทุ่นระเบิดนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญว่าแนวทางการสื่อสารที่เน้น “ความจริง” ของไทย จะสามารถต่อกรกับเครื่องจักรโฆษณาชวนเชื่อที่รวดเร็วและดุดันของกัมพูชาได้หรือไม่

ที่มา: BBC

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx