เทียบศักยภาพ F-16 ไทย กับ MiG-21 กัมพูชา ไทยเหนือกว่าทุกมิติ

เจาะลึกศักยภาพทางอากาศ เทียบ เครื่องบินรบ F-16 ของไทยเหนือชั้นกว่า MiG-21 กัมพูชาอย่างสิ้นเชิง ด้วยเรดาร์ทันสมัย ขีปนาวุธพิสัยไกล ขณะกัมพูชาไร้เครื่องบินขับไล่ประจำการ
หลังจากที่กองทัพอากาศไทยส่ง เครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ศักยภาพกำลังรบทางอากาศของสองประเทศแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลเชิงเทคนิคแล้ว คำตอบที่ได้คือแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สถานะฝูงบินในปัจจุบัน F-16 E/F Block 60 สุดยอดเหยี่ยวเวหาที่สร้างมาเพื่อภารกิจเฉพาะ
ข้อมูลล่าสุดในปี 2568 อ้างอิงจากกระทู้บนเว็บไซต์ Pantip ระบุว่า กองทัพอากาศไทยมีเครื่องบินขับไล่ F-16 E/F Block 60 หรือฉายา “Desert Falcon”
F-16 Block 60 ถูกพัฒนาขึ้นตามความต้องการของกองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ ต้องมีพิสัยทำการไกลพอที่จะบินจากฐานทัพไปปฏิบัติการในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่านได้ ด้วยเหตุนี้ มันจึงถูกออกแบบให้แตกต่างจาก F-16 รุ่นมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง
หัวใจของเครื่องบิน F-16 E/F Block 60 คือ เครื่องยนต์ GE F110-132 ที่ให้แรงขับมหาศาลถึง 32,500 ปอนด์ เสริมความอึดด้วยการติดตั้งถังเชื้อเพลิงพิเศษแนบลำตัว (Conformal Fuel Tank) ซึ่งเพิ่มความจุเชื้อเพลิงอีกมหาศาล ทำให้มันบินได้ไกลและนานกว่า F-16 รุ่นปกติอย่างเห็นได้ชัด

จุดเด่นที่สุดของ Block 60 คือระบบเรดาร์ AN/APG-80 ซึ่งเป็นเรดาร์แบบ AESA ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจจับและติดตามเป้าหมายได้หลายเป้าพร้อมกัน โดยสามารถตรวจจับเป้าหมายขนาดเพียง 1 ตารางเมตรได้ไกลกว่า 120 กิโลเมตร ในห้องนักบินติดตั้งจอภาพสีขนาดใหญ่ 3 จอ พร้อมระบบเซนเซอร์ชี้เป้าหมายทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้มันปฏิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศ
Block 60 เป็น F-16 รุ่นแรกนอกสหรัฐฯ ที่มีความสามารถแบบ “Wild Weasel” หรือนักล่าเรดาร์ภาคพื้นดินเต็มรูปแบบ ด้วยระบบพิสูจน์ทราบเป้าหมาย ASQ-213 ทำให้มันสามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านการแพร่คลื่นเรดาร์ AGM-88 เพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของศัตรูจากระยะไกลได้
ด้วยงบประมาณกว่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ UAE ได้จัดหาเครื่องบินรุ่นนี้เข้าประจำการรวม 80 ลำ (รุ่นที่นั่งเดียว 55 ลำ และสองที่นั่ง 25 ลำ) เพื่อเป็นกำลังหลักในการครองความได้เปรียบทางอากาศในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ความล้ำหน้าของ F-16 Block 60 เทียบ MiG-21 อดีต
ปัจจุบันกองทัพอากาศกัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ที่พร้อมรบประจำการอยู่เลยแม้แต่ลำเดียว ตามการยืนยันของสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยฝูงบิน MiG-21 ที่เคยได้รับจากสหภาพโซเวียตราว 22 ลำ ได้ถูกเก็บรักษาและยุติบทบาทการรบไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณในการซ่อมบำรุง โดยบางลำถูกย้ายไปตั้งเป็นอนุสรณ์ตามค่ายทหาร
อย่างไรก็ตาม หากนำ F-16 Block 60 ซึ่งเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพอากาศไทยในตอนนี้ มาเปรียบเทียบกับ MiG-21 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการต่อสู้ที่ไม่สมดุลในทุกมิติ
1. การตรวจจับและยิงก่อน
อย่างแรกเลยคือ เรดาร์ APG-80 AESA ของ Block 60 สามารถตรวจจับ MiG-21 ได้จากระยะไกลเกิน 100 กิโลเมตร ทำให้นักบินสามารถยิงขีปนาวุธ AIM-120C7 โจมตีได้ทันที ในขณะที่เรดาร์ของ MiG-21 จะมองเห็น F-16 ได้ในระยะเพียง 25-30 กิโลเมตรเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้เรียกว่าการถูกยิงก่อนที่จะมองเห็นข้าศึก
2. สงครามอิเล็กทรอนิกส์
F-16 Block 60 มีระบบป้องกันตัวและสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Falcon Edge ที่ทันสมัย สามารถรบกวนและเบี่ยงเบนอาวุธนำวิถีของฝ่ายตรงข้ามได้ ในขณะที่ MiG-21 ไม่มีระบบป้องกันตัวที่ทันสมัย ทำให้เปราะบางต่อการโจมตีอย่างยิ่ง
3. พิสัยและเวลาปฏิบัติการ
ด้วยถังเชื้อเพลิงพิเศษ (CFT) ทำให้ F-16 Block 60 สามารถอยู่ในพื้นที่รบได้นานกว่ามาก เทียบกับ MiG-21 ที่มีเวลาปฏิบัติการรบจริงได้เพียงประมาณ 25 นาทีก่อนเชื้อเพลิงจะหมด
แม้การเปรียบเทียบนี้จะเป็นเพียงสมมติฐาน แต่ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าเทคโนโลยีทางการทหารได้พัฒนาไปไกลมาก ในสภาวะปัจจุบันที่กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ประจำการเลยแม้แต่ลำเดียว ยิ่งทำให้ดุลอำนาจทางอากาศเอนเอียงมาทางฝั่งไทยที่มีฝูงบิน F-16 ประจำการอยู่อย่างสิ้นเชิง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจาะลึก BM-21 ของเขมร อาวุธหนักยุคโซเวียต ยิงไกลถึง 40 กิโลเมตร
- เปิดสเปก F-16 เครื่องบินขับไล่สุดแกร่ง ปักษาเหล็ก แห่งทัพอากาศไทย
- อ่านกติกาสากล ทำไม F-16 ไทย ถล่มบ้าน ฮุน เซน ปิดเกมกัมพูชาไม่ได้
อ้างอิง : FB/Drama-addict
ติดตาม The Thaiger บน Google News: