ข่าว

เจาะลึก BM-21 ของเขมร อาวุธหนักยุคโซเวียต ยิงไกลถึง 40 กิโลเมตร

รู้จัก BM-21 ที่กัมพูชาใช้ อาวุธรุ่นเดียวกับที่ยูเครนใช้ รัศมีทำลายล้างครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน เคยมีประวัติใช้ยิงใส่ไทยแล้วเมื่อปี 2011 ที่เหตุพิพาทปราสาทพระวิหาร

ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังตึงเครียด ภาพและคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียล ได้สร้างความกังวลให้กับสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏภาพกองทัพกัมพูชานำ BM-21 Grad หรือระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง เข้าประจำการในแนวชายแดน ซึ่งน่าตกใจว่านี่คืออาวุธประเภทเดียวกับที่คนไทยเห็นในข่าวสงครามยูเครน-รัสเซียอยู่ทุกวัน

รู้จัก BM-21 “Grad” อาวุธห่าฝนสุดอันตราย

BM-21 Grad คือ ระบบจรวดหลายลำกล้องที่พัฒนาโดยสหภาพโซเวียตตั้งแต่ยุค 1960 แต่ยังคงความน่าเกรงขามจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของมันคือความสามารถในการยิงจรวดขนาด 122 มม. พร้อมกันถึง 40 นัดภายในเวลาเพียง 20 วินาที สร้างเสียงคำรามคล้ายฝนห่าใหญ่ และมีอำนาจทำลายล้างครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายได้กว้างถึง 1.6 x 1.8 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับหมู่บ้านหรือค่ายทหารทั้งแห่ง แม้จรวดมาตรฐานจะยิงได้ไกลราว 20 กิโลเมตร แต่รุ่นอัปเกรดสามารถยิงได้ไกลสุดถึง 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งด้านการยิงกดดันขวัญกำลังใจศัตรู ก็มาพร้อมกับจุดอ่อนสำคัญคือความแม่นยำต่ำ เนื่องจากไม่มีระบบนำวิถี ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะตกใส่พลเรือน ซึ่งเป็นภาพที่เห็นได้ชัดจากสงครามในยูเครน

จัก BM-21 Grad อาวุธห่าฝนสุดอันตราย
ภาพจาก : วิกิพีเดีย

ประวัติการใช้ในมือกัมพูชา

กัมพูชาได้จัดหาระบบจรวด BM-21 มาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 และเคยมีประวัติการใช้งานในข้อพิพาทชายแดนกับไทยมาแล้ว โดยเอกสารกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารระบุว่า ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2011 กัมพูชาเคยใช้ BM-21 ยิงเข้ามาในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จนสร้างความเสียหายให้กับโรงเรียนและบ้านเรือนของประชาชน

ล่าสุดในปี 2568 นี้ มีรายงานว่ากัมพูชาได้เคลื่อนย้ายกำลังพลกว่า 12,000 นาย พร้อมด้วยระบบ BM-21 เข้ามาในพื้นที่ช่องบก-ตาเมือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เพื่อสร้างแรงกดดันต่อไทยหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยแหล่งข่าวภาคสนามยืนยันว่ามีการยิง “กระสุนกดทางยุทธวิธี” เพื่อสร้างภาวะกดดัน ไม่ได้มุ่งเป้าทำลายลึกเข้ามาในฝั่งไทย

เจาะลึก BM-21 ของเขมร สเปก
ยานปล่อย BM-21-1 ในระหว่างขบวนพาเหรดทางทหารในเมืองเยคาเตรินเบิร์ก เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)

บทเรียนสดจากสมรภูมิยูเครน

ในสงครามยูเครน BM-21 ยังคงเป็นอาวุธสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายใช้งาน แต่ก็เผยให้เห็นทั้งศักยภาพและจุดอ่อน โดยฝ่ายยูเครนได้ปรับปรุงจรวดเก่าให้แม่นยำขึ้นด้วยระบบ GPS และโดรนชี้เป้า แต่ในขณะเดียวกัน BM-21 ก็ตกเป็นเป้าของโดรนพลีชีพ (FPV Drone) ได้ง่าย เนื่องจากจรวดทั้ง 40 ลูกถูกวางเปลือยไว้บนแท่นยิง เมื่อถูกโจมตีเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เกิดการระเบิดต่อเนื่องทำลายรถได้ทั้งคัน กลายเป็น “เป้าขนาดใหญ่” หากขาดการป้องกันที่ดี

บีเอ็ม-21 แกรด เครื่องยิงจรวด
BM-21 ของกองทัพโซเวียต ติดตั้งบนรถบรรทุก Ural-375D (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)

ผลกระทบต่อชายแดนไทยรับมืออย่างไร

การที่กัมพูชานำ BM-21 มาวางไว้ใกล้ปราสาทตาเมือน ทำให้พื้นที่ด่านช่องจอม-ช่องสะงำ และชุมชนบางแห่งในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ตกอยู่ในรัศมีการยิง 20-40 กิโลเมตรทันที ประกอบกับเวลาในการเตือนภัยที่สั้นมาก ประชาชนอาจมีเวลาหลบภัยไม่ถึง 1 นาที ซึ่งเรื่องนี้กองทัพไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 ใช้ “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” นำปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และโดรนตรวจการณ์เข้าควบคุมพื้นที่ พร้อมยิงตอบโต้จุดยิงของฝ่ายตรงข้ามทันทีเพื่อลดความสูญเสีย

ท้ายที่สุด การปรากฏตัวของ BM-21 บนชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2568 ได้เปลี่ยนสมรภูมิให้เป็นมากกว่าแค่การดวลปืนใหญ่ แต่คือสงครามข้อมูล เทคโนโลยี และการจัดการความเสี่ยงต่อพลเรือน ซึ่งทั้งสองประเทศต้องให้ความสำคัญมากกว่าในอดีต

กัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงชายแดน ไทย
เวลา 10.03 น. ทหารกัมพูชาระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 Grad 122 mm. โจมตีพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ (ภาพจาก : FB/Army Military Force – สำรอง)

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : วิกิพีเดีย

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx