ข่าว

รู้จัก “ศาลทหาร” ระบบยุติธรรมคู่ขนาน แตกต่างจากศาลพลเรือนอย่างไร

รู้จัก ศาลทหาร ศาลทหาร ระบบยุติธรรมคู่ขนาน สังกัดกระทรวงกลาโหม ตุลาการไม่จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมาย และความแตกต่างกันกับศาลพลเรือน

จากกรณีที่ศาลทหารได้มีคำพิพากษา คดีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย” ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคมอย่างมาก ณ ขณะนี้ ได้ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับบทบาท และกระบวนการทำงานของ ศาลทหาร ซึ่งเป็นระบบยุติธรรมคู่ขนานที่มีความแตกต่างจากศาลพลเรือนที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคยอยู่หลายประการ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับโครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของศาลทหารให้มากยิ่งขึ้น

ทำไมต้องมีศาลทหาร?

ศาลทหาร คือศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่ผู้กระทำผิดเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหาร โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นศาลเดียวที่ยังคงสังกัดอยู่กับฝ่ายบริหารคือ กระทรวงกลาโหม มาจนถึงปัจจุบัน การดำเนินงานต่างๆ ของศาลทหารอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 โดยศาลทหารแบ่งออกเป็น 3 ชั้นศาล คือ ศาลทหารชั้นต้น ศาลทหารกลาง และศาลทหารสูงสุด ซึ่งเทียบเคียงได้กับลำดับชั้นของศาลพลเรือนคือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา

ศาลทหาร
ภาพจาก: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ใครบ้างที่ต้องขึ้นศาลทหาร

โดยปกติแล้ว ศาลทหารจะมีเขตอำนาจเหนือบุคคลดังต่อไปนี้

  • ทหารและนักเรียนทหาร
  • พลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร
  • เชลยศึก หรือบุคคลที่อยู่ในความควบคุมของฝ่ายทหาร
  • ข้อยกเว้นสำคัญคือ หากทหารกระทำความผิดร่วมกับพลเรือน หรือคดีมีความเกี่ยวพันกับศาลพลเรือน คดีนั้นจะถูกพิจารณาในศาลพลเรือน
  • สำหรับกรณีพิเศษ ในสถานการณ์ที่มีการประกาศใช้ กฎอัยการศึก ศาลทหารอาจมีอำนาจพิจารณาคดีอาญาบางประเภทที่กระทำโดยพลเรือนได้

องค์คณะผู้พิพากษา นายทหารที่ไม่ใช่นักกฎหมาย

หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือองค์ประกอบของตุลาการ โดยตุลาการในศาลทหาร ไม่จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์เสมอไป แต่จะประกอบด้วย นายทหารชั้นสัญญาบัตร (ตุลาการ) และ นายทหารพระธรรมนูญ (ตุลาการพระธรรมนูญ) ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย ในองค์คณะพิจารณาพิพากษา โดยสัดส่วนของนายทหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละชั้นศาล และผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการคือผู้บังคับบัญชาทหารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

กระบวนการพิจารณาคดีที่แตกต่าง

กระบวนการของศาลทหารมีความแตกต่างจากศาลพลเรือนในหลายประเด็น เช่น

  • การฟ้องร้องคดีต่อศาลทหารนั้น มีเพียงอัยการทหารเท่านั้นที่สามารถเป็นโจทก์ได้ ประชาชนหรือพลเรือนทั่วไปไม่มีสถานะเป็นโจทก์ในศาลทหาร
  • ฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นทหาร สามารถแต่งตั้งทนายความเพื่อสู้คดีได้ แต่ในฝั่งผู้เสียหายที่เป็นพลเรือน จะไม่มีสิทธิ์แต่งตั้งทนายความของตนเองในกระบวนการของศาลทหาร
  • ในศาลพลเรือน การพิจารณาคดีทุกขั้นตอนต้องทำต่อหน้าจำเลย แต่ในศาลทหาร หากจำเลยให้การรับสารภาพ ก็สามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
  • ในเวลาปกติ คู่ความสามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ แต่ใน เวลาไม่ปกติ (เช่น ในภาวะสงครามหรือกฎอัยการศึก) คำพิพากษาของศาลทหารถือเป็นที่สุดและห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา
  • ศาลทหารไม่มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่ง ผู้เสียหายไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งในศาลทหารได้

เรียบเรียงข้อมูลจาก: สถาบันพระปกเกล้า, iLAW

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx