อ.ตฤณห์ ผ่าพฤติกรรม สีกากอล์ฟ ในโหนกระแส แซะแรง รู้สึกผิดกี่โมง

อ.ตฤณห์ โพธิ์รักษา วิเคราะห์พฤติกรรม สีกากอล์ฟ ในรายการโหนกระแส ชี้ภาษากายสะท้อนความภูมิใจมากกว่าความรู้สึกผิด พร้อมให้ข้อคิดว่าพระสงฆ์ที่ควบคุมกิเลสไม่ได้ ควรลาออกจากสมณเพศ
กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิเคราะห์อย่างดุเดือดในรายการ โหนกระแส กรณีข่าวฉาวของ สีกากอล์ฟ โดย อ.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาให้มุมมองที่น่าสนใจ โดยชี้ว่าสิ่งที่น่าจับตาไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือ ภาษากาย ของสีกากอล์ฟที่สะท้อน ความภูมิใจ มากกว่า ความรู้สึกผิด พร้อมตั้งคำถามสุดจี๊ดว่า กอล์ฟรู้สึกผิดกี่โมง?
ดร.ตฤณห์ ได้วิเคราะห์ภาษากายของสีกากอล์ฟขณะให้สัมภาษณ์ว่าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ โดยยกตัวอย่างคำพูดที่ว่า “เรารักกันมาก รถก็เด่น คนก็เด่น” ว่าเป็นอารมณ์เชิงบวกอย่างชัดเจน “นี่ขนาดใส่แมสก์ ความภูมิใจยังล้นออกมา ถ้าไม่ใส่คงทะลักออกมาหมด” ดร.ตฤณห์ กล่าว พร้อมตั้งคำถามที่ทำให้หลายคนต้องฉุกคิดว่า แท้จริงแล้ว สีกากอล์ฟรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเองหรือไม่
นอกจากนี้ อาจารย์ยังได้ฝากข้อคิดไปยังสังคมและพระในหลายๆ กรณีที่มักมีการโยนความผิดให้ฝ่ายหญิง โดยใช้คำพูดว่า “อาตมาอ่อนต่อโลก ผู้หญิงเขาอ่อย” ซึ่งในมุมมองของ ดร.ตฤณห์ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการกล่าวโทษเหยื่อ (Victim Blaming) และได้กล่าวท้าทายอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าพระท่านเชื่อว่าเป็นเหยื่อจริง ๆ ก็เอาหลักฐานออกมาสู้เลย” เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ช่วงท้ายของรายการ ดร.ตฤณห์ ได้ฝากข้อความที่คมคาย และตรงไปตรงมาถึงพระภิกษุที่รู้ตัวว่าไม่สามารถควบคุมกิเลสของตนเองได้ว่า ควรพิจารณาตัวเองและลาออกจากสมณเพศ “ถ้าคุณรู้ว่าคุณห้ามตัวเองไม่ได้ คุณสึกออกมาจากการเป็นพระเถอะ เป็นคนธรรมดาที่มักมากในกามเฉย ๆ ไม่ได้ผิดอะไร แต่อย่าเป็นพระ” ซึ่งเป็นการปิดท้ายที่สร้างความฮือฮาและได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง
รู้จักกับ Victim Blaming
การโทษเหยื่อ (Victim Blaming) คือปรากฏการณ์ที่ผู้ถูกกระทำหรือผู้ประสบเหตุร้าย กลับถูกสังคมกล่าวโทษว่าเป็นต้นเหตุหรือมีส่วนที่ทำให้ภัยอันตรายนั้นเกิดขึ้นกับตนเอง การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการซ้ำเติมความเจ็บปวดทางจิตใจ และทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าเรียกร้องความยุติธรรม แต่ยังเป็นการลดทอนความร้ายแรงของตัวผู้กระทำผิด ซึ่งส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม เพราะมันทำให้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ถูกกระทำลดน้อยลง
กลไกทางจิตวิทยา ความเชื่อใน โลกที่ยุติธรรม
การศึกษาทางจิตวิทยาพบว่า สาเหตุหลักของการโทษเหยื่อนั้นสัมพันธ์กับ ความเชื่อว่าโลกมีความยุติธรรม (Belief in a Just World) ซึ่งเป็นความเชื่อพื้นฐานของมนุษย์ที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่งย่อมเป็นสิ่งที่คนนั้นสมควรได้รับแล้ว ความเชื่อนี้เป็นเหมือนเกราะป้องกันทางจิตใจที่ช่วยให้เรารู้สึกว่าโลกนี้มั่นคงและคาดเดาได้
ดังนั้น เมื่อเราเห็นเหตุการณ์ที่ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของความไม่ยุติธรรม มันจะไปสั่นคลอนความเชื่อนี้ของเรา เพื่อรักษาความรู้สึกว่าโลกยังคงยุติธรรมดีอยู่ หลายคนจึงมีแนวโน้มที่จะหาเหตุผลด้วยการ “โยนความผิด” ไปให้เหยื่อแทน โดยสรุปว่าเหยื่อต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม จึงสมควรได้รับผลเช่นนั้น
อคติทางเพศ ปัจจัยสำคัญในคดีล่วงละเมิด
นอกเหนือจากความเชื่อเรื่องโลกยุติธรรมแล้ว ในคดีล่วงละเมิดทางเพศยังมีอีกปัจจัยสำคัญคือ การเหยียดเพศ (Sexism) ซึ่งเกิดจากการที่สังคมมีภาพเหมารวมเกี่ยวกับ บทบาททางเพศ ที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ชายต้องเข้มแข็งเป็นผู้นำ และผู้หญิงต้องอ่อนหวานเป็นผู้ตาม
สิ่งนี้ก่อให้เกิด การเหยียดเพศแบบแยกขั้ว (Ambivalent Sexism) ซึ่งแบ่งผู้หญิงออกเป็น “กลุ่มดี” (ผู้ที่ทำตามขนบ) และ “กลุ่มเลว” (ผู้ที่ท้าทายขนบ) ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุล่วงละเมิดทางเพศขึ้น เหยื่อที่มีลักษณะไม่ตรงตามกรอบ “ผู้หญิงดี” ในอุดมคติของสังคม เช่น การแต่งกาย, อาชีพ หรือบุคลิก ก็มักจะถูกกล่าวโทษและซ้ำเติมได้ง่ายกว่า
เมื่อผู้ชายคือเหยื่อ ความเจ็บปวดที่ถูกมองข้าม
การกดทับจากบทบาททางเพศไม่ได้ส่งผลร้ายเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน สังคมมักคาดหวังให้ผู้ชายต้องเข้มแข็งและไม่แสดงความอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อผู้ชายตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศ พวกเขามักจะถูกตั้งคำถามถึงความสามารถในการปกป้องตนเอง และเรื่องราวของพวกเขามักถูกลดทอนความร้ายแรงให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน ทำให้เหยื่อเพศชายจำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยตัวตนและต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้เพียงลำพัง
เราจะหยุดการโทษเหยื่อได้อย่างไร
การลดการโทษเหยื่อในสังคมต้องเริ่มต้นจากการที่แต่ละบุคคลตระหนักรู้ถึงอคติและความลำเอียงในใจของตนเอง และช่วยกันเน้นย้ำว่า เหยื่อคือผู้ถูกกระทำ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่การตั้งคำถามถึงลักษณะส่วนตัวของพวกเขา ความยุติธรรมไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องร่วมกันสร้างขึ้น โดยการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เหยื่อ และหันไปตั้งคำถามกับผู้กระทำผิดเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สีกากอล์ฟ รับผิด ทำเพราะอยากมีเงินเลี้ยงลูก หวังมีชีวิตที่ดี ย้อนปมคบซ้อน 2 เจ้าคณะ
- “สีกากอล์ฟ” ยอมรับ เอาต์ดอร์ “อดีตเจ้าคณะพิษณุโลก” กลางลานจอดรถวิทยาลัยสงฆ์
- หนุ่ม กรรชัย แฉ สีกาอีกคน บุก ชิงปืนพระจ่อขมับ “สีกากอล์ฟ” เกือบไม่รอด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: