ข่าว

HIV พุ่งปรี๊ด คนไทยติดเชื้อสะสม ‘ครึ่งล้าน’ ปี 68 ติดเพิ่ม 1.3 หมื่นคน

กรมควบคุมโรค เผยไทยพบ ยอดผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่กว่า 13,000 คนในปี 2568 ชวนตรวจฟรีผ่านแอป เป๋าตัง และโรงพยาบาลในระบบบัตรทอง เพื่อรู้สถานะและเข้าถึงการรักษา

(วันที่ 4 กรกฎาคม 2568)

นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดเอชไอวีในประเทศไทย ปี 2568 มีผู้ติดเชื้อสะสม 547,556 คน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 13,357 คน ปัญหาสำคัญคือยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่เคยตรวจ ไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองด้วยหลายสาเหตุ เช่น ไม่คิดว่าตนเองเสี่ยง กังวลเรื่องการตีตราจากสังคม และไม่ทราบว่ามีบริการตรวจด้วยตนเอง ทำให้ไม่เข้าสู่ระบบการรักษาและอาจถ่ายทอดเชื้อสู่คู่โดยไม่รู้ตัว

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีคือจุดเริ่มต้นสำคัญของการดูแลสุขภาพ หากตรวจพบเร็วและเข้าสู่การรักษาเร็ว จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยด้วยโรคแทรกซ้อน หากผู้ติดเชื้อกินยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจนสามารถกดปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดได้สำเร็จ (น้อยกว่า 200 copies/ml) ก็จะไม่ถ่ายทอดเชื้อไปสู่ผู้อื่น หรือเรียกว่า “ตรวจไม่พบเชื้อ = ไม่ถ่ายทอดเชื้อ” (Undetectable = Untransmittable: U=U)

ประชาชนไทยทุกคนสามารถเข้ารับบริการตรวจเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือขอรับชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้ฟรี ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งสามารถให้ผลเบื้องต้นได้ใน 20 นาที

ด้านนายแพทย์พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า เอชไอวีป้องกันได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้ง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เพิ่มจุดกระจายถุงยางอนามัยและชุดตรวจเอชไอวีฟรีเพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น รวมถึงมีบริการประเมินความเสี่ยงออนไลน์ผ่าน “Stand by you” หากพบว่ามีความเสี่ยงจะได้รับชุดตรวจส่งตรงถึงบ้าน

ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 กรมควบคุมโรคจะจัดกิจกรรมรณรงค์ “Equality with safety: HPV x Condom ทางเรียบ หรือทางลุย ก็มั่นใจปลอดโรค” ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยมีบริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) 9 สายพันธุ์ฟรี สำหรับนักศึกษาหญิง พร้อมแจกถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น

นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

ภาพจาก: กรมควบคุมโรค

HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด รู้ทัน ป้องกันได้ อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ

ในยุคที่การแพทย์ก้าวหน้าไปมาก เชื้อเอชไอวี (HIV) ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวหรือเป็นคำตัดสินของชีวิตอีกต่อไป แต่เป็นเพียงภาวะสุขภาพเรื้อรังที่สามารถควบคุมจัดการได้ การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ HIV คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับตนเอง เพื่อขจัดอคติในสังคม ทำให้เราทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข

HIV ไม่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสในชีวิตประจำวันได้เลย เชื้อจะติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งบางชนิดของผู้ติดเชื้อที่มีปริมาณเชื้อสูงเท่านั้น โดยต้องเข้าสู่ร่างกายอีกคนผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุอ่อน

ช่องทางการติดต่อหลักมี 3 ทาง ดังนี้

  1. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เป็นช่องทางที่พบบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก (มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ก็เป็นไปได้) หากไม่มีการใช้ถุงยางอนามัp
  2. รับเชื้อทางเลือด ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ ในอดีตมีการติดเชื้อผ่านการรับเลือด แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีกระบวนการคัดกรองเลือดที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสูง ทำให้ความเสี่ยงทางนี้แทบไม่มีแล้ว
  3. ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือผ่านทางน้ำนมแม่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันความเสี่ยงนี้สามารถป้องกันได้เกือบ 100% หากแม่ที่ติดเชื้อเข้ารับการรักษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

เราจะป้องกัน HIV ได้อย่างไร?

ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เป็นวิธีพื้นฐานที่ได้ผลดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงโรคอื่นๆ และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

ตรวจเลือดเพื่อรู้สถานะ การทราบสถานะของตนเองและคู่เป็นสิ่งสำคัญมาก ช่วยให้วางแผนป้องกันได้อย่างเหมาะสม ปัจจุบันสามารถตรวจได้ฟรีตามสิทธิ์ในโรงพยาบาล หรือใช้ชุดตรวจด้วยตนเอง

เพร็พ (PrEP – Pre-Exposure Prophylaxis) คือยาสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง โดยทานยาวันละ 1 เม็ดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV มีประสิทธิภาพสูงมากหากทานอย่างสม่ำเสมอ

เป๊ป (PEP – Post-Exposure Prophylaxis) คือยาต้านไวรัสฉุกเฉินที่ต้องเริ่มทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ เช่น ถุงยางแตกหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ

U=U (Undetectable = Untransmittable) หรือ “ตรวจไม่พบเชื้อ = ไม่ถ่ายทอดเชื้อ” เป็นหลักการที่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์แล้วว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจนมีปริมาณเชื้อในเลือดน้อยมาก (ตรวจไม่พบ) จะไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่นผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ HIV

ความเชื่อผิด: HIV ติดต่อทางการกอด จูบ กินข้าวร่วมกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน หรือยุงกัด

ความจริง: ไม่จริงโดยสิ้นเชิง เชื้อ HIV ไม่สามารถอยู่รอดในอากาศหรือบนพื้นผิวได้นาน และไม่ติดต่อผ่านกิจวัตรประจำวันเหล่านี้

ความเชื่อผิด: ติดเชื้อ HIV เท่ากับเป็นโรคเอดส์ (AIDS)

ความจริง: ไม่เหมือนกัน HIV คือชื่อของเชื้อไวรัส ส่วนเอดส์คือระยะท้ายของอาการป่วยที่ภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง ปัจจุบันผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาอย่างดีจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ภูมิคุ้มกันไม่ตกและไม่เข้าสู่ระยะเอดส์

ความเชื่อผิด: ดูจากภายนอกก็รู้ว่าใครติดเชื้อ HIV เพราะจะดูซูบผอม ไม่สบาย

ความจริง: ไม่สามารถตัดสินจากภายนอกได้เลย ผู้ติดเชื้อที่สุขภาพแข็งแรงจากการรักษา จะดูไม่แตกต่างจากคนทั่วไป

ความเชื่อผิด: ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่สามารถมีลูกได้

ความจริง: สามารถมีได้ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์และการวางแผนครอบครัวที่ดี ผู้ติดเชื้อสามารถมีบุตรที่แข็งแรงและไม่ติดเชื้อ HIV ได้

การป้องกันที่ดีที่สุดคือความรู้ การตรวจเลือดเป็นประจำคือความรับผิดชอบ และการปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้ออย่างเท่าเทียมคือเครื่องหมายของสังคมที่เจริญแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx