
เมื่อ “กูลิโกะ” ประกาศเลิกขายไอศกรีมในไทยหลัง 31 ธันวาคม 2568 หลายคนตกใจ เสียดายที่จะไม่ได้กินไอติมอร่อยๆ ดับร้อนแล้ว แต่จริง ๆ แล้วอาณาจักรขนมของแบรนด์ญี่ปุ่นร้อยปี ยังอัดแน่นไปด้วยของกินเล่นทุกแนว ตั้งแต่บิสกิตจุ่มช็อกโกแลต ไปจนถึงนมอัลมอนด์สายเฮลท์ตี้ ทีมข่าวไทยเกอร์ขอพามาดูให้ครบว่าบนเชลฟ์ของ เอซากิกูลิโกะ (Glico) เมืองไทย วันนี้–นับจากปี 2569 จะเหลืออะไรบ้าง และอร่อยแบบไหนกันแน่
สำหรับหลาย ๆ คน ชื่อ “กูลิโกะ” คือภาพของกล่องป๊อกกี้สีแดงสดใส รสช็อกโกแลต หรือความสนุกในการแกะเพรทซ์รสโปรด แต่เมื่อปี 2559 ชื่อนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในโลกของหวาน ด้วยการเปิดตัว “ไอศกรีมกูลิโกะ” ที่สร้างกระแสฟีเวอร์ไปทั่วประเทศ
ไทยกูลิโกะ เข้ามาปักธงตั้งโรงงานครั้งแรกเมื่อปี 2513 ด้วยทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท เริ่มจากลูกอมคาราเมล ก่อนจะทะยานขึ้นแท่นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวขวัญใจคนไทยด้วย Pocky และ Pretz
ปี 2559 ลุยตลาดไอศกรีมเต็มตัว สร้างกระแส “Glico Fever” ซึ่งถือเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรกสำหรับไอศกรีมของบริษัทเลยทีเดียว แต่แทนที่จะวางขายพร้อมกันทั่วประเทศ กูลิโกะกลับใช้กลยุทธ์จำกัดจำนวนในช่วงแรก ทำให้เกิดสภาวะของหายากที่ทุกคนต้องออก “ตามล่า” มีรายงานว่าไอศกรีมหมดจากตู้ในเวลาเพียง 10 นาที ความฟีเวอร์นี้ได้พลังของโซเชียลมีเดียและการบอกต่อ จนการได้กิน โพสต์รูปไอศกรีมกูลิโกะกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะทางสังคมไปช่วงหนึ่ง
ปัจจัยที่ทำให้ไอศกรีมกูลิโกะประสบความสำเร็จในไทย
- พลังของแบรนด์ ชื่อ “กูลิโกะ” ที่คนไทยคุ้นเคยและเชื่อใจจากป๊อกกี้อยู่แล้ว ทำให้การเปิดตัวสินค้าใหม่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว
- กระแสญี่ปุ่นนิยม ความนิยมในวัฒนธรรมญี่ปุ่นทำให้คนไทยโหยหาผลิตภัณฑ์ “สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ” ซึ่งไอศกรีมกูลิโกะตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- กูลิโกะไม่ได้เข้ามาแข่งด้วยรสชาติเดิม ๆ แต่สร้างความแตกต่างด้วยรูปแบบและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดญี่ปุ่น
ทำความรู้จัก ไอศกรีมกูลิโกะ ก่อนเหลือในความทรงจำ
1. พาลิตเต้ (Palitte)
ไอศกรีมโคนสไตล์ซอฟต์เสิร์ฟระดับพรีเมียม จุดเด่นคือเกลียวช็อกโกแลตกรอบที่พันรอบเนื้อไอศกรีมในโคนแบบนุ่มสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ มีรสชาติยอดฮิตอย่าง นมและดาร์กช็อกโกแลต และ บราวน์ ชูการ์ มิลค์ ที
2. ไจแอนท์ โคน (Giant Cone)
ไอศกรีมโคนขนาดใหญ่ที่เน้นความกรุบกรอบและท็อปปิ้งแน่น ๆ เอกลักษณ์คือช็อกโกแลตก้อนที่ซ่อนอยู่ตรงปลายโคน ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของวอลล์ คอร์นเนตโต ในตลาด
3. เซเว่นทีน ไอซ์ (Seventeen Ice)
ไอศกรีมแท่งในบรรจุภัณฑ์สุดเก๋ที่ออกแบบมาให้ทานง่าย ไม่เลอะมือ สร้างความแตกต่างด้วยรสชาติอย่าง ดาร์กช็อกโกแลตและมินต์ ซึ่งหาไม่ได้จากคู่แข่งในขณะนั้น
4. พาแนปป์ (Panapp)
ไอศกรีมถ้วยสไตล์พาร์เฟ่ต์ ที่มีไอศกรีมวานิลลาสลับชั้นกับซอสผลไม้และไวท์ช็อกโกแลตกรอบ ให้ความรู้สึกเหมือนทานซันเดในถ้วย
5. ไอซ์โนะมิ (Ice-no-Mi)
ไอศกรีมเชอร์เบททรงกลมขนาดพอดีคำ นำเข้าจากญี่ปุ่น มีเปลือกน้ำแข็งบางกรอบด้านนอกและเนื้อเชอร์เบทฉ่ำๆ ด้านใน ถือเป็นของแรร์ ที่หลายคนตามหา
เบื้องหลังการอำลา ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือการปรับทัพครั้งใหญ่
แม้จะเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่ฟีเวอร์ในช่วงแรกนั้นไม่ยั่งยืน เมื่อสินค้าหาซื้อง่ายขึ้น มูลค่าจากความหายากก็หายไป กูลิโกะต้องลงมาแข่งขันในตลาดไอศกรีมที่ดุเดือด มียักษ์ใหญ่อยู่แล้วอย่าง ยูนิลีเวอร์ (วอลล์) และ เนสท์เล่ ครองตลาดอยู่ การแข่งขันนี้ต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรทางการตลาดมหาศาล
ในขณะเดียวกัน กูลิโกะมองเห็นโอกาสในตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือ “ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ” นี่คือเหตุผลที่นำไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ กูลิโกะเลือกที่จะถอนตัวจากสมรภูมิไอศกรีม (Red Ocean) เพื่อทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปบุกเบิกตลาดใหม่ (Blue Ocean) ที่มีศักยภาพสูงกว่า
อาณาจักรปัจจุบันของกูลิโกะ เมื่อไม่ได้มีแค่ขนม แต่หันมาจับสายสุขภาพ
ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของกูลิโกะในประเทศไทยจะมุ่งเน้นไปที่ 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ขนม ที่ยืนหยัดแถวหน้าในใจคนไทยมากว่า 50 ปี
ป๊อกกี้ (Pocky) พี่ใหญ่ของแบรนด์ บิสกิตแท่งเคลือบครีมที่เป็นเหมือนตัวแทนของกูลิโกะ มีตั้งแต่รสคลาสสิกอย่างช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี ไปจนถึงรสพรีเมียมอย่าง “Crushed Nuts” ที่มีเกล็ดอัลมอนด์แท้ และรสชาติพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างรสมะม่วง
เพรทซ์ (Pretz) บิสกิตแท่งรสเค็มที่ถูกพัฒนาให้มีรสชาติถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ เช่น รสลาบ และ รสต้มยำกุ้ง
พีจอย (Pejoy) บิสกิตแท่งสอดไส้ครีม สำหรับคนที่ชอบความเข้มข้นของไส้แบบเต็มๆ คำ
โคลลอน (Collon) เวเฟอร์ม้วนกรอบสอดไส้ครีมเนื้อเบา
แอลฟี่ (Alfie), ทีนนี่ (Teenie), ไจแอนท์ คาปุลิโกะ: ขนมทางเลือกที่จับกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น
ล่าสุดเคลื่อนทัพครั้งสำคัญที่สุดของกูลิโกะในรอบหลายปี เพื่อตอบรับกระแสคนรักสุขภาพ ทิศทางใหม่แห่งอนาคต
นมอัลมอนด์ โคกะ (Almond Koka) ผลิตภัณฑ์เรือธงตัวใหม่ที่กูลิโกะทุ่มสุดตัว เป็นนมอัลมอนด์ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น และไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ได้ลิ้มลอง ชูจุดเด่นเรื่องวิตามินอีสูง มีใยอาหาร และไม่มีคอเลสเตอรอล มีให้เลือกทั้งสูตรดั้งเดิม, ไม่เติมน้ำตาล และรสช็อกโกแลต
ก่อนหน้านี้ กูลิโกะเคยส่งสัญญาณความสนใจในตลาดสุขภาพมาแล้วด้วยการเปิดตัวไอศกรีม SUNAO (ซูนาโอะ) ซึ่งเป็นสูตรไม่เติมน้ำตาลทรายและคาร์โบไฮเดรตต่ำ การตอบรับที่ดีจาก SUNAO น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กูลิโกะมั่นใจในการเปิดตัวนมอัลมอนด์ โคกะ อย่างเต็มรูปแบบ
แม้ “ไอศกรีมกูลิโกะ” จะโบกมือลา หยุดขายไปก่อน แต่เชลฟ์ขนมไทยยังแน่นเอี้ยดด้วยกองทัพ Pocky, Pretz, Pejoy, Collon และเพื่อน ๆ พร้อมสมาชิกใหม่อย่างนมอัลมอนด์ Koka ที่จะเข้ามาเติมความสนุกอิ่มอร่อยให้คนรักของว่างได้ตั้งแต่เช้ายันดึกสุขภาพดี อารมณ์ดี ไปกับรสชาติแบบกูลิโกะกันต่อไป
ติดตาม The Thaiger บน Google News: