เสรีพิศุทธ์ เข้าแจ้งความ สมเด็จฮุนเซน หลังมีคลิปเสียงสั่งล่าคนเห็นต่างในไทย ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายไทย หลายข้อ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อเข้าแจ้งความต่อ สมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี หลังมีคลิปเสียงที่ระบุว่า สั่งการฆ่า นายลิม กิมยา สส.ฝ่ายค้าน เสียชีวิตในกรุงเทพ เมื่่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมถึงยังสั่งการให้สังหารคนเห็นต่างด้วยนั้น
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยว่าในเอกสารมีเนื้อหาจากสื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอข่าวคลิปเสียงอ้างว่าคล้ายสมเด็จฯ ฮุน เซน สั่งการให้นายเคลียง ฮวด บุคคลสนิทที่ปรากฏเป็นผู้แปลภาษา คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพรทองธาร กับสมเด็จฯ ฮุน เซน ให้ประสานตำรวจไทย หรือคนของพวกตัวเองที่อยู่ในประเทศไทย ติดตามตัวผู้ต่อต้านหรือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย มี 2 เหตุการณ์ด้วยกันคือ การเสียชีวิตของ นายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภา นักการเมืองพรรคฝ่ายค้านของรัฐบาลกัมพูชาที่ถูกยิงเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อช่วงเดือน ม.ค.2568 ผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องของ นายเคลียง ฮวด
และเหตุการณ์ที่นายพร พันนา นักเคลื่อนไหวกัมพูชาที่ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศไทย ถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2561 ในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายไทย หลายข้อหาจึงเดินทางมาพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินคดี
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนี้ ตนในฐานะอดีตผบ.ตร.ที่ทราบกฎหมาย ว่าการกระทำดังกล่าวแม้จะเป็นการสั่งมาจากนอกราชอาณาจักร มาดำเนินการในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นความผิดในกฎหมายไทยด้วย วันนี้จึงต้องร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี สมเด็จฮุนเซน โดยเอกสารที่ตนนำมายื่นให้ประกอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ที่บัญญัติว่าผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ก็จะต้องรับโทษในความผิดบัญญัตินั้นเสมือนเป็นตัวการ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยอีกว่าไม่กังวลในเรื่องของสมเด็จฯ ฮุน เซน จะยกระดับความรุนแรง จับไล่ล่านักเคลื่อนไหวของกัมพูชา มาเป็นนักเคลื่อนไหวคนไทย เพราะหากยิ่งทำเช่นนั้นยิ่งมีความผิดระหว่างประเทศ และหากพิสูจน์ทราบได้ว่าสมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นผู้สั่งการ ก็จะยิ่งมีหลักฐานขอศาลหมายจับ ส่วนการชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ยังคงมีกำหนดตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ผมเป็นอดีตตำรวจ ไม่มีอำนาจเรียกใครมาสอบสวน จึงต้องให้ลูกน้องเก่าที่มีอำนาจตามกฎหมายไปดำเนินการติดตามจับกุม วันนี้ผมมาเสนอแนะสิ่งที่เกิดขึ้นและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตำรวจจะสอบสวนฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องให้อัยการสูงสุดมาเป็นพนักงานสอบสวนร่วมด้วย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สื่อดังเปิดโปง ‘ลิม กิมยา’ ฝ่ายค้านเขมร ถูกฆ่าในไทย รัฐบาล ‘ฮุน เซน’ ใครอยู่เบื้องหลัง?
รวบแล้ว จ่าเอ็ม มือยิง “ลิม กิมยา” ตร.ยื่นออกหมายจับ “คนชี้เป้า” เพิ่ม
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
