ข่าวต่างประเทศ

อัศจรรย์ พบคัมภีร์ฮินดูโบราณพันปี ไม่ไหม้ไฟ บนเครื่องบินแอร์อินเดียตก คร่า 241 ศพ

ชาวเน็ตแห่แชร์ ปาฏิหาริย์ หนังสือ ภควัทคีตา ไม่ไหม้ไฟ สภาพเกือบสมบูรณ์จากซากเครื่องบินแอร์อินเดียตก คร่า 241 ชีวิต

ควันหลงโศกนาฏกรรม เครื่องบินแอร์อินเดียตกกลางเมืองอาเมดาบัด อินเดีย คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือไปถึง 241 ราย จากทั้งหมด 242 ชีวิต กลายเป็นข่าวสะเทือนใจไปทั่วโลก แต่ท่ามกลางเถ้าถ่าน เศษซากเครื่องบิน กลับมีภาพที่ถูกขนานนามว่า “ปาฏิหาริย์” พบหนังสือ ภควัทคีตาคีตา ซึ่งเป็นพระคัมภีร์สำคัญของศาสนาฮินดู อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ท่ามกลางกองเพลิง

รายงานจากหลายสื่อท้องถิ่นของอินเดียระบุว่า คัมภีร์เล่มดังกล่าวถูกพบในซากเครื่องบินบริเวณอาคารหอพักแพทย์ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ BJ ซึ่งเป็นจุดที่ เที่ยวบิน AI171 พุ่งชนหลังเครื่องขึ้นเพียง 30 วินาทีหลังออกจากสนามบิน เป้าหมายคือมุ่งหน้าไปยังสนามบินแกตวิค สหราชอาณาจักร

ภาพและคลิปวิดีโอจากผู้เห็นเหตุการณ์ถูกแชร์ในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย ชายคนหนึ่งในคลิปกำลังพลิกหน้า ภควัทคีตาแบบปกแข็ง ให้ผู้คนรอบข้างดูอย่างตะลึง แม้ปกหนังสือจะมีร่องรอยไฟไหม้เล็กน้อย แต่ตัวหนังสือและภาพด้านในยังคงอยู่ในสภาพดีจนน่าทึ่ง

ราธาราม ดาส รองประธานและโฆษกของ ISKCON โกลกาตา โพสต์วิดีโอลงในแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) พร้อมข้อความว่า

“ท่ามกลางเพลิงจากเครื่องบินตก มีภควัทคีตาหนึ่งเล่มรอดอย่างสมบูรณ์ หนึ่งชีวิตรอดอย่างปาฏิหาริย์ และหญิงสาวอีกคนที่เกือบขึ้นเครื่องแต่พลาดไปเพียง 10 นาที ”

โพสต์อื่น ๆ ในโซเชียลต่างเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “ปาฏิหาริย์ท่ามกลางโศกนาฏกรรม”

ภาพจาก: (X/@Harshpatel1408)

ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว ปาฏิหาริย์จากเบาะ 11A

ในบรรดาผู้โดยสาร 242 คน มีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว คือ วิศวาส กุมาร ราเมช ชายวัย 40 ปี สัญชาติอังกฤษ ซึ่งมาเยี่ยมครอบครัวที่อินเดีย และนั่งอยู่ที่ เบาะ 11A ของ Boeing 787-7 Dreamliner ลำนั้น

“หลังขึ้นบินได้ประมาณ 30 วินาที ได้ยินเสียงดังสนั่น แล้วเครื่องก็ตก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก” วิศวาสเล่าย้อนให้สื่อ Hindustan Times ฟัง

เขาบอกว่า เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นร่างผู้โดยสารกระจัดกระจายรอบตัว ก่อนจะรวบรวมสติวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุและมีคนช่วยส่งเขาขึ้นรถพยาบาลไปยังโรงพยาบาลพลเรือนอาห์มดาบาด ขณะนี้ วิศวาสกำลังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่หน้าอก ดวงตา และเท้า

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเมื่อวันศุกร์ และเข้าเยี่ยมผู้รอดชีวิตที่โรงพยาบาล พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยโพสต์ข้อความผ่าน X ว่า

“เราทุกคนเสียใจอย่างยิ่งกับโศกนาฏกรรมทางอากาศในอาเมดาบัด การสูญเสียชีวิตจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วและสะเทือนใจเช่นนี้เกินจะบรรยาย ขอแสดงความเสียใจต่อทุกครอบครัวที่สูญเสีย เราเข้าใจความเจ็บปวดนี้ และรู้ดีว่า ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นจะยังคงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน… โอม ศานติ”

เปิดที่มา ภควัทคีตา คัมภีร์ฮินดูโบราณ มีอายุเก่าแก่หลายพันปี

ภควัทคีตา หรือ “บทเพลงของพระผู้เป็นเจ้า” เป็นหัวใจแห่งมหากาพย์มหาภารตะ หากจะให้นับถอยหลังไปถึงต้นตอ ก็คงต้องย้อนสู่วรรณคดีสันสกฤตยุควีรกษีติ (ค.ศ. 400 ปีก่อน–ค.ศ. 200 หลัง) ช่วงที่คำกลอนยาวหลั่งไหลออกจากคัมภีร์ปุราณะและอุปนิษัท ก่อรูปเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่บันทึกพงศาวดารเผ่าพงศ์กุรุ‐ปาณฑพ

ภควัทคีตา บทกวีสั้นเพียง 700 คาถา ปรากฏแทรกอยู่ใน “ภารตะยุทธ” เล่มที่ 6 (ภีษมปรวะ) ตอนที่กองทัพสองฝ่ายประชิดกัน ณ ทุ่งกุรุเกษตรี เพื่อย้ำให้เห็นว่า ก่อนมหาชนล้มตายเพราะศึกอาณาจักร มนุษย์หนึ่งคนย่อมต้องเผชิญสงครามภายในใจเสียก่อน

มีหลักฐานว่างานชิ้นนี้มิใช่ผลงานของกวีเดี่ยว หากเป็นผลึกความคิดที่ตกผลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหมู่นักพรต สำนักปรัชญา และวรรณกรรมนิพนธ์ปากเปล่าก่อนจะจารึกเป็นลายลักษณ์

หนังสือภควัทคีตาฉบับภาษาสันสกฤต คัดลอกสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19
หนังสือภควัทคีตาฉบับภาษาสันสกฤต คัดลอกสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภาพจาก: Wikipedia

ส่วนรูปแบบร้อยกรอง กีตาใช้ฉันทลักษณะ อนุษฏุปฉันท์ สั้น กระทัดรัด ช่วยให้ท่องจำง่าย นักปราชญ์สันนิษฐว่าเคยใช้เป็นบทสวดในสำนักฤๅษี การจัดวาง 18 บท (อธยายะ) ไม่ใช่ตัวเลขสุ่ม เพราะ มหาภารตะ เต็มเรื่องก็แบ่งเป็น 18 เล่ม สงครามกุรุเกษตรกินเวลา 18 วัน และทัพสองฝ่ายมีกองพลรวม 18 กอง เลขสิบแปดจึงเสมือนรหัสแห่งจักรวาลในวาทกรรมฮินดู

ในเชิงวรรณศิลป์ กีตาเปล่งประกายด้วยปฏิภาณของ “ผู้เล่า” วียส ซึ่งตามตำนานเป็นกวีตาบอดผู้มองเห็นสัจธรรม โดยทั่วไปนักวิชาการถือว่าวียสเป็นนามปากกาสำหรับนักบันทึกวรรณคดีสมัยนั้นหลายรุ่น คล้ายที่กรีกมี “โฮเมอร์” บทบาทของวียสจึงสำคัญในฐานะสัญลักษณ์ของภูมิปัญญารวมหมู่

เรื่องราวว่าด้วย บทสนทนาเกิดขึ้นบนรถศึกกลางสนามรบกุรุเกษตร ก่อนจะเริ่มรบ อรชุน นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝ่ายปาณฑพ สิ้นเรี่ยวแรงจะเงื้อมธนูเมื่อมองเห็นญาติ อาจารย์ยืนตรงข้าม ระกฤษณะจึงสอนเรื่องหน้าที่ – การทำความดี – และการปล่อยวางผล ทำหน้าที่ของตนโดยไม่ผูกติดผลสำเร็จ รักษาศรัทธาต่อสิ่งสูงสุด ใช้ปัญญาเข้าใจธรรมชาติของชีวิตและจักรวาล

โลกตะวันตกได้รู้จัก ภควัทคีตา เมื่อ ชาร์ลส์ วิลคินส์ พิมพ์ฉบับแปลอังกฤษครั้งแรก ปี 1785 สมัยอินเดียตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ หนังสือเล่มนั้นทำให้นักคิดยุโรปสนใจปรัชญาอินเดียทันที ไม่นานก็มีฉบับภาษาญี่ปุ่น (ตัวคานะ) และฉบับภาษาเปอร์เซียในราชสำนักโมกุลปลาย

เข้าสู่ศตวรรษ 20 กีตากลายเป็นแสงนำทางของคานธี ข้อ 2.47 “จงทำหน้าที่ของตน อย่ายึดติดผล” ถูกยกเป็นหลักอหิงสา พาประเทศไปสู่เอกราชในปี 1947

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx