คิมซูฮยอน โต้ คลิปคิมแซรน รับมีเซ็กซ์ตอน ม.2 เป็น AI -กุภาพเท็จ ทำร้ายร่างกาย

ค่ายออกโรงแทน คิมซูฮยอน โต้ คลิปเสียง คิมแซรน รับมีเซ็กซ์ตอน ม.2 เป็น AI -กุภาพเท็จ ทำร้ายร่างกาย หาได้จากในเน็ต
หลังสถาบันวิจัยกาโรเซโร (Garo Sero Research Institute หรือ HOVERLAB) ได้ออกมาแถลงข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นร้อนที่ยังคงคุกรุ่นระหว่างนักแสดงหนุ่มชื่อดัง คิมซูฮยอน กับนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ คิมแซรน ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ช่อง YouTube ดังกล่าวได้อ้างว่า คิมแซรนเคยยอมรับว่าคบหากับคิมซูฮยอนตั้งแต่สมัยที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
ทาง Garo Sero ได้เผยแพร่คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของคิมแซรน ในคลิปมีเนื้อหาที่กล่าวว่า “ฉันเคยเดทกับคิมซูฮยอน อีกคนในคลิปพูดว่า ‘เธอบ้าไปแล้วเหรอ?’ และไม่เชื่อ แต่ฉันคบกับเขาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เลิกกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันคบกับเขาตอนที่ฉันยังเป็นผู้เยาว์ แต่คุณต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ เพราะคิมซูฮยอนและคนจาก Gold Medalist (ต้นสังกัดของคิมซูฮยอน) เป็นคนที่น่ากลัวมาก พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง”
คลิปเสียงที่ถูกอ้างอิงยังคงดำเนินต่อไปด้วยเนื้อหาที่ระบุว่า “เมื่อฉันคิดดูแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่ฉันรู้สึกเหมือนถูกเขาหลอกใช้มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ฉันเป็นแฟนของเขา เขารู้ดีว่าฉันทำอะไรเพื่อเขามาบ้างตั้งแต่ฉันอยู่ ม.ต้น แต่หลังจากอุบัติเหตุ (เมาแล้วขับ) เขากลับทำให้ฉันกลายเป็นอีนั่นที่บ้าเงิน สิ่งที่บ้าไปกว่านั้นคือเขาให้ฉันดูรูปที่ถ่ายไว้ตอนที่เขามีอะไรกันกับคนอื่น”
นอกจากนี้ ในคลิปเสียงยังอ้างคำพูดของคิมแซรนอีกว่า “เขายังให้ฉันดูเบอร์โทรศัพท์ของไอดอลคนหนึ่งที่เขาบันทึกชื่อไว้ว่า ‘สาหร่าย’ เพราะเธอมีกลิ่นเหมือนสาหร่ายตอนที่เขานอนกับเธอ ถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะแฉเรื่องทั้งหมดนี้เลย ฉันมีอะไรกัน (เพศสัมพันธ์) กับเขาตอนปิดเทอมฤดูหนาว ตอนที่ฉันอยู่ ม.2”
ภายหลังการแถลงข่าวล่าสุดของสถาบันวิจัยกาโรเซโร ชาวเน็ตเกาหลีต่างแสดงความตกใจและขยะแขยงอย่างไม่อาจปิดบังได้ โดยได้รวมตัวกันแสดงความคิดเห็นในชุมชนออนไลน์ต่างๆ อาทิ
“โอ๊ย ฉันต้องหยุดดูจนกว่าทุกอย่างจะจบ”
“มัธยมต้น ปี 2…”
“พระเจ้า ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ตายด้วยเถอะ เราไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของพวกเขา”
“ผู้ชายอายุเกือบ 30 จะมองเด็กมัธยมต้นเป็นผู้หญิงได้ยังไง?”
“นี่มันเป็นตำนานในหลายๆ ด้านเลยนะ”
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนเชื่อเรื่องกุขึ้นแบบนี้”
“ใครบอกว่านี่เป็นเรื่องแต่ง?”
“นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“มันน่าขยะแขยงมาก นี่เป็นคำเดียวที่ฉันคิดออก น่าขยะแขยง”
“นี่มันของปลอม”
“น่ากลัวมากที่มีคนเชื่อคลิปเสียงปลอมนั่น”
“ถ้ามันปลอม แล้วหลักฐานว่าปลอมอยู่ไหนล่ะ?”
“พวกเขาบอกว่ามันถูกสร้างด้วย AI ซึ่งน่ากลัวมาก”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงทำถึงขนาดนี้ ฉันเข้าใจว่าพวกเขาอยากให้คิมซูฮยอนขอโทษ แต่เขาก็ไม่ทำและยังคงปฏิเสธ แต่ทำไมถึงต้องเปิดเผยเรื่องที่ยั่วยุขนาดนี้ว่าเธอมีประสบการณ์ครั้งแรกตอน ม.2 ต่อสาธารณะ? การทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ชื่อของคิมแซรนถูกพูดถึงไม่หยุด”
“เด็ก ม.2 เหรอ? น่าขยะแขยง”
“ไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนเชื่อ Garo Sero อีก”
อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งได้หยิบยกประเด็นความเป็นไปได้ที่คลิปเสียงดังกล่าวอาจถูกสร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือที่เรียกว่า การโคลนเสียง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสังเคราะห์เสียงของบุคคลให้เหมือนจริงได้ โดยเทคโนโลยีนี้เคยถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ รวมถึงการสร้างคัฟเวอร์เพลงปลอมโดยใช้เสียงศิลปิน
“บางทีเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะถูกคัดกรองได้ด้วยการสืบสวนนะ”
“ฉันสาบานเลย ฉันไม่ใช่แฟนคลับคิมซูฮยอนนะ แต่คิมซูฮยอนนี่มันน่ารังเกียจมาก – นี่มันอาชญากรชัดๆ แต่ถึงอย่างนั้น วิธีการพูดในคลิปมันฟังดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่หน่อยๆ”
“มันไม่ใช่ AI แน่นอน เสียงคนชัดๆ แต่บทพูดมันเหมือนกำลังเล่าเรื่องหรืออธิบายสถานการณ์… อาจจะเพราะรู้ว่าถูกอัดเสียงอยู่หรือเปล่า? แต่ถ้าพวกเขากุเรื่องขึ้นมาขนาดนี้ ผลกระทบในชั้นศาลมันจะใหญ่มากนะ – พวกเขาจะกล้าเสี่ยงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ย้ำอีกครั้ง ฉันสาบานจริงๆ ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่แฟนคลับคิมซูฮยอน แต่คลิปเสียงมันฟังดูไม่เป็นธรรมชาติจริงๆ โดยเฉพาะท่อนที่พูดว่า ‘เขาเป็นพวกโรคจิตชัดๆ’ – เขาพูดสองครั้ง แล้วน้ำเสียงมันเหมือนเดิมเป๊ะทั้งสองครั้งเลย”
Gold Medalist โต้กลับ ชี้คลิปเสียง คิมแซรน เป็นของปลอม-สร้างจาก AI ขู่ฟ้อง Garo Sero ทุกข้อหา
หลังการแถลงข่าวคลิปเสียง ล่าสุด บริษัทกฎหมาย LKB & Partners ในฐานะตัวแทนทางกฎหมายของ Gold Medalist ได้เผยแพร่แถลงการณ์โต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างละเอียด โดยมีใจความว่า
1. คลิปเสียงที่ Garo Sero เปิดเผยเป็นของปลอม
Gold Medalist ยืนยันว่าคลิปเสียงที่ Garo Sero อ้างว่าได้มาจากคิมแซรนผู้ล่วงลับนั้นถูกปลอมแปลงขึ้นทั้งหมด ทางต้นสังกัดเชื่อว่าไฟล์เสียงดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
2. ผู้ให้ข้อมูลเป็นนักต้มตุ๋น
ทางต้นสังกัดเปิดเผยว่า ผู้ที่นำไฟล์เสียงไปให้ Garo Sero เป็นนักต้มตุ๋น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ามาติดต่อ Gold Medalist โดยอ้างว่ามีไฟล์เสียงที่คิมแซรนผู้ล่วงลับกล่าวถึงคิมซูฮยอนในทางที่ดี จากนั้นได้เรียกร้องเงินจากทางต้นสังกัด และส่งไฟล์เสียงบางส่วนที่มีเสียงของคิมแซรนมาให้ พบว่าเป็นเสียงที่ถูกดัดแปลงแก้ไขแล้ว
Gold Medalist ไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องใดๆ ของบุคคลดังกล่าวซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคิมแซรนทั้งสิ้น เมื่อแผนการหลอกลวง Gold Medalist ไม่สำเร็จ บุคคลดังกล่าวจึงได้สมรู้ร่วมคิด กับ Garo Sero เพื่อเผยแพร่คลิปเสียงปลอม
ขณะนี้ Gold Medalist กำลังดำเนินการตรวจสอบทางเทคนิคเพื่อยืนยันการใช้ AI และจะแจ้งผลให้ทราบโดยเร็วที่สุด
3. รูปถ่ายถูกทำร้ายเป็นเรื่องเท็จ
กรณีที่ Garo Sero อ้างว่าผู้ที่นำไฟล์มาให้ถูกทนายความของ Gold Medalist ชื่อ โกซางรก ทำร้าย และได้เผยแพร่รูปถ่ายประกอบนั้น Gold Medalist ยืนยันว่าเป็นข้อกล่าวหาเท็จที่ยากจะยอมรับได้ด้วยสามัญสำนึก รูปภาพที่เผยแพร่ออกมานั้นสามารถตรวจสอบได้จากการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต พิสูจน์ว่า Garo Sero กับผู้ให้ข้อมูลนำรูปภาพจากอินเทอร์เน็ตมาใช้กล่าวอ้าง
4. แผนการตอบโต้ทางกฎหมายต่อ Garo Sero
Gold Medalist มองว่าการแถลงข่าวของ Garo Sero เป็นการกุเรื่องที่เต็มไปด้วยการหมิ่นประมาท การสะกดรอยตาม อาชญากรรมทางเพศไซเบอร์ และการสร้างพยานหลักฐานเท็จต่อคิมซูฮยอน ถือเป็นการก่ออาชญากรรมรูปแบบใหม่โดยใช้ AI ซึ่งเป็นการกระทำที่ร้ายแรงเพื่อทำลายชื่อเสียงของคิมซูฮยอนโดยอาศัยหลักฐานปลอม จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างแน่นอน
ทางต้นสังกัดจะดำเนินการฟ้องร้องและแจ้งความดำเนินคดีกับ Garo Sero ในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติการลงโทษผู้กระทำการสะกดรอยตาม และพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการใช้เครือข่ายข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารและการคุ้มครองข้อมูล (กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเครือข่ายการสื่อสาร) และจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ Garo Sero ได้รับโทษตามกฎหมายผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานสืบสวน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ครอบครัว แจ้งความ คิมซูฮยอน ล่วงละเมิดทางเพศ คิมแซรน ตอน ม.2
- ต้นสังกัด “คิมซูฮยอน” จ่อฟ้องชาวเน็ตทั่วโลก กุข่าว คิมแซรน ชาวเน็ตงงหนัก ยังมีภาพลักษณ์ให้เสีย?
- เดือดไม่จบ! เพื่อน “คิมแซรน” เตรียมแฉ “คิมซูฮยอน” หลังดื้อเพ่ง ไม่ยอบรับคบกับผู้เยาว์
ติดตาม The Thaiger บน Google News: