หมอสับเละ รัฐทุ่ม 104 ล้านออกแบบที่จอดรถ ‘สภา’ แต่โรงพยาบาล-หมอ ไม่มีงบ

สภาฯ ทุ่ม 104.5 ล้านจ้างออกแบบที่จอดรถใหม่ “ไอติม” ตั้งปมไม่พบใน พ.ร.บ.งบฯ – โซเชียลเทียบงบสาธารณสุข จวกยับประเทศไม่รวยจริงหรือ?
คนไทยตื่นตัวเรื่องการใช้งบประมาณเกินจำเป็น หลัง ไอติม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. และโฆษกพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า รัฐสภากำลังเดินหน้าจ้างบริษัทออกแบบอาคารที่จอดรถเพิ่มเติมด้วยงบประมาณสูงถึง 104.5 ล้านบาท ทั้งที่โครงการดังกล่าวไม่ปรากฏในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และ 2568 ที่สภาฯ เพิ่งอนุมัติไป จนเกิดการวิจารณ์อย่างมากถึงความเหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยเฉพาะเมื่อเพจดังอย่าง “เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ได้นำไปเปรียบเทียบกับงบประมาณด้านสาธารณสุขที่ยังขาดแคลน
นายพริษฐ์ระบุว่า โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา (เพิ่มเติม) นี้ มีมูลค่ารวมที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 4,588 ล้านบาท มีการทำคำขอเบื้องต้นสำหรับปีงบประมาณ 2569 ไว้ที่ 1,529 ล้านบาท แม้โครงการหลักจะยังไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณ แต่กลับพบว่าเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐสภาได้ประกาศให้ “กิจการค้าร่วม กลุ่มบริษัท AGCC” เป็นผู้ชนะการเสนอราคาสำหรับการจ้างออกแบบก่อสร้างอาคารจอดรถดังกล่าว ด้วยงบ 104.5 ล้านบาท ซึ่งนายพริษฐ์ตั้งข้อสังเกตว่ารายการจ้างออกแบบนี้ ไม่เคยปรากฏใน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 หรือ 2568 เลย
โฆษกพรรคประชาชนยอมรับว่าปัญหาที่จอดรถในสภาฯ เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายประสบจริง แต่เห็นว่าการลงทุนขนาดใหญ่เช่นนี้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยได้ตั้งคำถามสำคัญ 3 ประการ
1. ประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่จอดรถเดิม ได้มีการศึกษาข้อมูลสถิติจำนวนที่จอดรถ (supply) และความต้องการ (demand) อย่างจริงจังแล้วหรือยัง และมีแนวทางเพิ่มการใช้ประโยชน์จากที่จอดรถที่มีอยู่แล้วอย่างไร ก่อนจะลงทุนสร้างใหม่
2. ตรวจสอบแบบอาคารรัฐสภาเดิม การออกแบบเดิมได้คาดการณ์เรื่องที่จอดรถไว้อย่างไร เหตุใดจึงเกิดปัญหาเมื่อใช้งานจริง และหากเป็นข้อผิดพลาด ใครจะต้องรับผิดชอบ
3. ความโปร่งใสและที่มาของงบประมาณ เหตุใดจึงเดินหน้าจ้างออกแบบ ทั้งที่โครงการไม่ปรากฏใน พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งคาดว่าอาจใช้กลไกการโอนงบประมาณจากโครงการอื่น ผ่านการทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ หรือขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่
นายพริษฐ์ย้ำว่าประเด็นเหล่านี้จะถูกนำไปสอบถามและคาดหวังคำตอบที่ชัดเจนจากตัวแทนสภาฯ ในการประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ในวันพฤหัสบดีนี้
เสียงสะท้อนจากโซเชียล “เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ชี้เป้าเทียบงบฯ โรงพยาบาล
ภายหลังจากโพสต์ของนายพริษฐ์เผยแพร่ออกไป เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ซึ่งมักสะท้อนปัญหาสาธารณสุข ได้นำประเด็นดังกล่าวมาวิจารณ์ โดยลิสต์รายการโครงการต่างๆ ของรัฐสภาที่อนุมัติแล้วและรอพิจารณา อาทิ โครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ 41.9 ล้านบาท, ปรับปรุงไฟส่องสว่าง 117 ล้านบาท, ปรับปรุงศาลาแก้ว 122 ล้านบาท, ปรับปรุงพื้นที่ครัว 117 ล้านบาท, ปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ 118 ล้านบาท, พัฒนาระบบภาพยนตร์และซีดีในห้องประชุม 180 ล้านบาท ทั้งหมดนี้อนุมัติแล้ว
รวมถึงโครงการที่รอพิจารณาอย่างอาคารจอดรถ 1,400 ล้านบาท (ซึ่งน่าจะหมายถึงส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ที่นายพริษฐ์กล่าวถึง), โครงการออกแบบฉากหลังบัลลังก์ 132 ล้านบาท และโครงการป้องกันฝุ่น PM2.5 อีก 49 ล้านบาท
ทางเพจฯ ได้ตั้งคำถามเชิงเสียดสีต่อคำกล่าวอ้างที่ว่า “ประเทศเราไม่ร่ำไม่รวย ไม่ได้มีตังค์เยอะ” โดยชี้ว่าปัญหาระบบสาธารณสุขไทย ทั้งงบประมาณไม่เพียงพอ บุคลากรขาดแคลน มาตรฐานการรักษาที่ยังต้องพัฒนา ส่วนหนึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มงบประมาณอย่างตรงจุด พร้อมเปรียบเทียบว่า งบสาธารณสุขของไทยคิดเป็นเพียง 4-5% ของ GDP ซึ่งน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปหรือเอเชีย (เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) ที่ใช้จ่ายประมาณ 9-10% ของ GDP ถึงครึ่งต่อครึ่ง
“เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล” ยังตอบโต้ข้ออ้างเดิมๆ ที่มักถูกยกมาเมื่อมีการเรียกร้องให้เพิ่มงบสาธารณสุข เช่น “งบอื่นก็สำคัญ” “เงินเรามีน้อย” หรือ “อยากได้สวัสดิการเพิ่มก็เก็บภาษีเพิ่มสิ” ระบุว่า “เมื่อก่อนก็เคยเชื่อนะ แต่เดี๋ยวนี้ ขออนุญาตกรอกตา มองบน”
พร้อมยกตัวอย่างโครงการที่ถูกมองว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่าในอดีต เช่น การสร้างอาคาร สตง. ทิ้งร้าง, ปัญหาทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพัก, การจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังไม่มีเครื่องยนต์, บอลลูนตรวจการณ์ที่ไม่ได้ใช้งาน และงบดูงานต่างประเทศของ สว. ที่ใกล้หมดวาระ
โพสต์ดังกล่าวทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามถึงประชาชนว่า “แล้วมาบอกว่า ประเทศเราไม่ค่อยมีเงิน…ใครยังเชื่อว่าประเทศเราไม่ค่อยมีเงิน ขอให้ย้อนอ่านด้านบนอีกครั้งหนึ่ง อ่านแล้ว ก็ยังเชื่ออยู่เหมือนเดิม ก็เชิญไปรับยาที่ช่อง 5 นะครับ คิดว่าเกินเยียวยา” สะท้อนความรู้สึกไม่พอใจและความกังวลต่อการจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศอย่างชัดเจน.
สัปปายะสภาสถาน หรูหราอลังการ เป็นหน้าเป็นตาให้นักการเมืองไทย
ชื่อ “สัปปายะสภาสถาน” (Sappaya Sapasathan) ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีความหมายว่า สถานอันเป็นที่สบาย เหมาะแก่การประกอบกรรมดี หรือ สถานที่ประกอบกิจแห่งรัฐสภาที่เป็นมงคล แฝงความคาดหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของสติปัญญาในการบริหารบ้านเมือง สร้างสรรค์กฎหมายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
อาคารแห่งนี้ใช้เป็นที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา รวมถึงเป็นที่ทำการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
ผู้ชนะการออกแบบเมื่อปี 2552 คือ คณะสถาปนิกนำโดย นายธีรพล นิยม และนายปรีชญา นวลงาม จากกลุ่มกิจการร่วมค้า ATT ได้รับแรงบันดาลใจจากคติไตรภูมิและพุทธปรัชญา โดยมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางจักรวาล อาคารหลักจึงเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ มีห้องประชุมสำคัญสองห้องคือ ห้องพระสุริยัน สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และ ห้องพระจันทรา สำหรับการประชุมวุฒิสภา เน้นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ผสมผสานความทันสมัยกับความเป็นไทย
อาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้มีพื้นที่ใช้สอยภายในใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ด้วยพื้นที่กว่า 424,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่กว่า 119.6 ไร่ ก่อสร้างโดยบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก เริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการหลังการลงนามในสัญญาเมื่อปี พ.ศ. 2556 แต่เผชิญกับความล่าช้าหลายครั้งกว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มทยอยใช้งานได้จริง
ตอนแรก โครงการนี้เริ่มต้นด้วยกรอบงบประมาณที่อนุมัติไว้ประมาณ 12,280 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง มีการขอขยายเวลาก่อสร้างและปรับเพิ่มงบประมาณหลายครั้ง ด้วยเหตุผลหลากหลาย เช่น การปรับแบบ การเพิ่มพื้นที่ใช้สอย การแก้ไขปัญหาอุปสรรคระหว่างการก่อสร้าง และการปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
แม้ตัวเลขจะมีความแตกต่างกันในแต่ละแหล่งข่าว แต่คาดการณ์ว่า งบประมาณรวมของโครงการสัปปายะสภาสถานพุ่งสูงไปกว่า 22,000 – 23,000 ล้านบาท หรืออาจมากกว่านั้นเมื่อรวมค่าใช้จ่ายแฝงและโครงการต่อเนื่องอื่นๆ ซึ่งทำให้กลายเป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างอาคารของรัฐที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

ในช่วงแรกที่เริ่มใช้งาน มีเสียงวิจารณ์เรื่องการออกแบบที่ทำให้ฝนสาดเข้ามาในบางพื้นที่ และปัญหาความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกขนาดใหญ่ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานในการทำความเย็น การจัดสรรพื้นที่บางส่วนถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง หรือมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น
แม้จะมีอาคารจอดรถ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของ สส., สว., ข้าราชการ, สื่อมวลชน และผู้มาติดต่อราชการ จนนำมาสู่โครงการจ้างออกแบบอาคารจอดรถเพิ่มเติมล่าสุดด้วยงบกว่า 104.5 ล้านบาท ซึ่งก็ถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและที่มาของงบประมาณอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จับตาวันนี้ แพทยสภาลงมติ ชี้ขาดจริยธรรม รักษา “ทักษิณ” ชั้น 14
- สตง. แถลงการณ์ ตึก 2 พันล้านถล่ม โครงสร้างได้มาตฐาน สุจริต ประกวดราคาโปร่งใส
- ไอซ์ รัชนก ซัดระบบราชการ ใช้ ‘ภาษี’ ซื้อของแพงกว่าชาวบ้าน เลิกคิด โกงได้ถ้าประเทศเจริญ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: