เงิบ! กรมธนารักษ์แจง “วงในเหรียญ 10” ไม่ใช่ทองเหลือง เตือนอย่าทำแหวน-สร้อย เสี่ยงติดคุก

กรมธนารักษ์แจง “วงในเหรียญ 10 บาท” ไม่ใช่ทองเหลือง แต่เป็น “อลูมิเนียมบรอนซ์” เตือนอย่าทำแหวน-สร้อย เสี่ยงคุก 3 ปี
หลังมีคลิปแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ แสดงภาพการนำเหรียญ 10 บาทจำนวนมากไปหลอมทำเป็นแหวน สร้อยคอ อ้างว่าเป็นทองเหลือง เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด กรมธนารักษ์ออกโรงชี้แจง พร้อมเตือนชัด หากมีการปลอมแปลงเหรียญหรือใช้แทนเงินตรา มีความผิดทางกฎหมาย โทษหนักทั้งจำทั้งปรับ
นายบุญชอบ วิเศษปรีชา โฆษกกรมธนารักษ์ ระบุว่า โลหะที่ใช้ทำวงในของเหรียญ 10 บาทไม่ใช่ทองเหลือง อย่างที่เข้าใจกัน แต่คือ “อลูมิเนียมบรอนซ์” (Aluminum Bronze) ซึ่งมีส่วนผสมของ ทองแดง 92% อะลูมิเนียม 6% และนิกเกิล 2% เป็นเหรียญโลหะเนื้อเดียว ไม่มีการชุบเคลือบ จึงต่างจากทองเหลืองที่ใช้ทองแดงผสมกับสังกะสี และไม่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมหรือนิกเกิลแต่อย่างใด
แปรรูปเหรียญ = ผิดกฎหมาย
กรมธนารักษ์ระบุชัดว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501 มาตรา 9 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้วัตถุหรือเครื่องหมายใด ๆ แทนเงินตราโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ซึ่งหากฝ่าฝืน จะมีโทษตาม มาตรา 35 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายความผิดใน ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 7 ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและแปลงเงินตรา มาตรา 240-249 ซึ่งมีโทษทางอาญาเพิ่มเติมอีก
กรมธนารักษ์ยังรายงานข้อมูลว่า ปัจจุบันมีเหรียญ 10 บาทหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจำนวน 2,992.9 ล้านเหรียญ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) และมีแผนการผลิตในปีงบประมาณ 2567 เพิ่มอีก 40 ล้านเหรียญ ขณะนี้ยังมีเหรียญคงเหลือสำหรับการจ่ายแลกถึงเดือนมิถุนายน 2570 จำนวน 208.8 ล้านเหรียญ จึงเพียงพอต่อความต้องการใช้ในระบบโดยรวม
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ขอความร่วมมือประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือร่วมกระทำการใด ๆ ที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับเงินตรา เพราะไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่ระบบการเงินของประเทศ แต่ยังทำให้ผู้กระทำผิดต้องเผชิญโทษหนักตามกฎหมายอีกด้วย.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แจก 7 พิกัด แลกคืนเหรียญกษาปณ์ เช็กเงื่อนไข-เวลา
- หลอนไม่กลัว ธุรกิจรับซื้อ บ้านผีสิง บริการรีโนเวท ไล่สิ่งชั่วร้ายครบวงจร
- ย่าทิ้งมรดก แบงก์เก่าหายาก 175 บาท หลานชีวิตพลิก! คนขอซื้อต่อ 14 ล้าน เพราะเหตุผลนี้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: