ข่าว

สรุปดราม่า ฟ้อนเล็บโลก เชียงใหม่ ไร้ผ้าซิ่น จวกยับ จัดงานฉาบฉวย

ฟ้อนเล็บเชียงใหม่ทุบสถิติโลก 2568 แต่ช่างฟ้อนนับพันช้ำใจ ถูกกีดกัน-จวกยับปม ซิ่น 729 ปี ข้าวปลาอาหารไม่ทั่วถึง ช่างฟ้อนแม่อุ้ยสุดทน

หยาดเหงื่อจากการฝึกซ้อมหลายสัปดาห์ ความตั้งใจที่เปี่ยมล้น และชุดพื้นเมืองที่บรรจงแต่งกายอย่างงดงาม คือสิ่งที่ช่างฟ้อนนับพัน ๆ คน เตรียมมาเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ใน งานฟ้อนเล็บเฉลิมฉลอง 729 ปี เมืองเชียงใหม่ ทว่าสำหรับหลายคน ความภาคภูมิใจกลับกลายเป็นความผิดหวัง หยดน้ำตา และคำถามที่ดังอยู่ในใจ ทันทีที่พวกเขาถูกปฏิเสธการเข้าร่วม เพียงเพราะสีสันและลวดลายของ ผ้าซิ่น ไม่ตรงตามที่ผู้จัดงานขีดเส้นไว้

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก เพจ เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น ได้แชร์โพสต์ของ Pichet Tunthirojanakul ลานรอบคูเมืองเชียงใหม่คลาคล่ำไปด้วยช่างฟ้อนในชุดพื้นเมืองหลากสีสัน ภาพความยิ่งใหญ่ของการฟ้อนเล็บโดยผู้คนกว่า 7,218 ชีวิต ถูกบันทึกเป็นสถิติโลกใหม่ของ Guinness World Records ในฐานะ The Largest Thai Dance ทำลายสถิติเดิมลงอย่างงดงาม เสียงปรบมือดังก้อง ภาพข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก มีบุคคลสำคัญระดับรัฐมนตรี ข้าราชการ นักการเมือง ร่วมเป็นสักขีพยานในความสำเร็จนี้

แต่ในอีกมุมหนึ่ง หลังม่านแห่งความสำเร็จอันตระการตา กลับมีเสียงสะท้อนแห่งความขมขื่นดังระงมไปทั่วโลกออนไลน์ ช่างฟ้อนจำนวนมากต่างพรั่งพรูความรู้สึกอัดอั้นตันใจ พวกเขาหลายคนเดินทางมาจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น แต่กลับต้องพบกับกฎเกณฑ์เรื่อง ผ้าซิ่นลาย 729 ที่กลายเป็นกำแพงขวางกั้น หลายคนถูกกันออกจากพื้นที่ บ้างตัดสินใจกลับบ้านทั้งน้ำตา บ้างพยายามสอบถามหาเหตุผลแต่ไร้คำตอบที่ชัดเจน เกิดเป็นคำถามตัวโต ๆ ว่า เหตุใดงานที่ควรเป็นพื้นที่แห่งการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม กลับกลายเป็นการกีดกันเช่นนี้

ดราม่าฟ้อนเล็บโลก 2568
เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น

ผ้าซิ่น 729 ปมร้อน สู่คำถาม ธุรกิจแฝง?

ข้อกังขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การกีดกัน แต่ลุกลามไปถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของผ้าซิ่นลายพิเศษนี้ มีการตั้งคำถามว่า ผ้าซิ่น 729 ที่ดูเหมือนเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมนั้น แท้จริงแล้วคือผ้าทอมืออันสะท้อนอัตลักษณ์ หรือเป็นผ้าจากโรงงานที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายในงานนี้โดยเฉพาะกันแน่ ยิ่งเมื่อมีข้อมูลว่า ผู้จัดงานครั้งนี้คือ “สมาคมแห่งหนึ่ง” ที่หลายคนไม่คุ้นเคย ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ “ธุรกิจแฝง” อยู่เบื้องหลังงานวัฒนธรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งคำถามเหล่านี้ยังคงต้องการคำชี้แจงจากผู้จัด

นอกเหนือจากดราม่าเรื่องผ้าซิ่น ปัญหาด้านการบริหารจัดการภายในงานก็ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ช่างฟ้อนจากหลายกลุ่มยืนยันว่า ระบบเครื่องเสียงไม่ทั่วถึง ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเพลง หรือได้ยินไม่พร้อมกัน เกิดเป็นการฟ้อนที่ไม่พร้อมเพรียงอย่างที่ควรจะเป็น บางจุดต้องยืนรออย่างไร้จุดหมายนาน 4 – 5 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีพื้นที่เพียงพอให้ได้แสดง หรือแม้กระทั่งปัญหาพื้นฐานอย่างอาหารและน้ำดื่ม ก็มีรายงานว่าไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง ช่างฟ้อนสูงวัยหลายคนต้องพึ่งพาเสบียงที่เตรียมมาเอง หรือจำใจซื้อหาประทังความหิวและความเหนื่อยล้า

คุณค่าวัฒนธรรมที่ถูกตั้งคำถาม

ซ้ำร้ายกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมบางส่วนยังแสดงความกังวลต่อ “ท่ารำ” ที่ใช้ในงาน ว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนไปจากแบบแผนดั้งเดิมอันงดงามของคุ้มพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ควรมีการสื่อสารให้ชัดเจน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชนและต่อ Guinness World Records เอง

ท้ายที่สุด เสียงสะท้อนจากผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นช่างฟ้อนหรือผู้สังเกตการณ์ ต่างมุ่งไปในทิศทางเดียวกันว่า คุณค่าที่แท้จริงของวัฒนธรรมไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขสถิติโลก หรือการแสดงอันยิ่งใหญ่ตระการตา หากแต่อยู่ที่ หัวใจ และ การมีส่วนร่วม ของผู้คนในชุมชน งานฟ้อนเล็บควรเป็นพื้นที่แห่งความภาคภูมิใจร่วมกันของชาวเชียงใหม่ทุกคน ไม่ใช่เวทีของใครบางกลุ่ม หรือถูกลดทอนคุณค่าลงด้วยปัญหาการจัดการและข้อกังขาทางธุรกิจ บทเรียนราคาแพงครั้งนี้ จึงควรนำไปสู่การทบทวน เพื่อให้การจัดงานครั้งต่อไป กลับคืนสู่จิตวิญญาณของวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

นายกสมาคมเคลื่อนไหว งานฟ้อนเล็บ 2568
เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น ได้รายงานต่อว่า “นายกสมาคมฯ เคลื่อนไหว โพสขออภัยในความผิดพลาด จากงานฟ้อนเล็บสถิติโลก729ปี เชียงใหม่ แล้วครับ” ซึ่งโพสต์ของ นายกสมาคมฯ ได้ระบุว่า

“ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน และประชาชนองค์กรเครือข่ายวัฒนธรรม สถาบันการศึกษาทุกแห่ง สมาคมโรงแรม ภัตตาคาร ห้องอาหาร ครัวผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

ได้อนุเคราะห์จัดอาหารให้กับช่างฟ้อน จำนวนมากกว่า 10,000 คน ร่วมในโครงการสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี ให้สำเร็จลุล่วง สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดเชียงใหม่ ให้คนทั่วโลกได้รู้จักเมืองเชียงใหม่และวัฒนธรรมอันดี งาม ศิลปะปราชภูมิปัญญา กลองตึ่งโนง คู่กับการฟ้อนเล็บใน ภาพลักษณ์ ภาค การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัด

จิตอาสา ช่างฟ้อนทุกทีมที่ร่วมใจมุ่งมั่นในวัตถุประสงค์เดียวกันกับผู้จัดงาน ทีมจิตอาสาภาครัฐและประชาชน ทีม ปฐมพยาบาลสาธารณสุขเชียงใหม่ ในทุกจุด ทำงานขับเคลื่อนร่วมกัน จนทำให้งานสำเร็จลุล่วงสร้างประวัติศาสตร์ให้เมืองเชียงใหม่

สิ่งใดเป็นข้อบกพร่องและการดูแลไม่ทั่วถึงในทุกจุดของการจัดกิจกรรมทางสมาคมซึ่งเป็นหน่วยงานผู้จัดงาน ต้องกราบขออภัย และจะนำทุกคำแนะนำมาปรับปรุงในการทำงานขับเคลื่อนของจังหวัดต่อไป”

เสียงสะท้อนความอัดอั้นจาก วัลลดา เพชรพิชัย ผู้ดูแลช่างฟ้อนกลุ่มหนึ่ง เผยให้เห็นอีกมุมของงานฟ้อนเล็บโลก นครเชียงใหม่ 729 ปี เริ่มต้นจากคำขอความร่วมมือจากผู้จัดที่อาจมีจำนวนคนไม่ถึงเป้าหมายสถิติโลก พร้อมคำยืนยันเบื้องต้นว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าซิ่นลายพิเศษ ขอเพียงเป็นโทนสีชมพู แม้จะถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลอย่างโซนสวนบวกหาดก็ยินยอม

สิ่งที่พบเจอ ณ จุดนัดหมาย กลับเป็นความผิดหวังซ้ำซ้อน ทั้งเครื่องเสียงที่ไร้สัญญาณ อาหารและน้ำที่ขาดแคลน การถูกย้ายจุดไปมา และสุดท้ายคือการถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมฟ้อน ณ จุดที่ถูกส่งไป ด้วยเหตุผลว่าผ้าซิ่นที่สวมใส่ ไม่ใช่ผ้าซิ่นลายพิเศษ (ที่เธอเรียกว่า ผ้าซิ่นอัปลักษณ์) ซึ่งผู้จัดงานจัดทำขึ้น

เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น

วัลลดาสรุปประสบการณ์ครั้งนี้ด้วยความขมขื่นว่า ตนและช่างฟ้อนอีกหลายร้อยชีวิตที่ประสบชะตากรรมคล้ายกัน คงไม่มีบุญพอที่จะได้ฟ้อนสมโภชเมือง ต้องหอบหิ้วสัมภาระกลับบ้าน พร้อมตั้งคำถามทิ้งท้ายถึงความห่วยแตกของทีมงาน และเป้าหมายที่แท้จริงของงาน ว่าตกลงเป็นการบันทึกสถิติโลก หรือ สถิติยอดขายผ้าซิ่นกันแน่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button