ข่าวต่างประเทศ

ผวา ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในค้างคาวบราซิล คล้าย MERS หวั่นระบาดสู่คน

นักวิทยาศาสตร์ พบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาวบราซิล คล้าย ‘เมอร์ส’ MERS เตือน ค้างคาวแหล่งแพร่เชื้อโรคอุบัติใหม่ หวั่นกลายเป็นโรคระบาดในอนาคต

เว็บไซต์ต่างประเทศ sciencealert รายงานข่าว กรณีของนักวิทยาศาสตร์ผวาระลอกใหม่ หลังค้นพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาวประเทศบราซิล ซึ่งมีความใกล้เคียงกับไวรัส ‘เมอร์ส’ MERS (Middle East respiratory syndrome) ที่เคยคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 900 คนทั่วโลก

ทีมวิจัยนานาชาติ นำโดย ‘บรูนา สเตฟานี ซิลเวริโอ’ (Bruna Stefanie Silvério) จากมหาวิทยาลัยสหพันธ์เซาเปาโล (Federal University of São Paulo) ได้ทำการทดสอบค้างคาว 16 สายพันธุ์ในบราซิล เพื่อตรวจหาเชื้อโรค

จากการเก็บตัวอย่างจากช่องปากและทวารหนักของค้างคาวกว่า 400 ตัวอย่าง ทีมวิจัยพบไวรัสโคโรนา 7 ชนิด ที่แตกต่างกัน ซึ่งพบในค้างคาวเพียง 2 สายพันธุ์เท่านั้น คือ ค้างคาวกินแมลง (Molossus molossus) และ ค้างคาวกินผลไม้ (Artibeus lituratus) ในบรรดาไวรัสที่พบมีเพียงชนิดเดียวที่มีความเกี่ยวข้องทางวิวัฒนาการกับไวรัส MERS-CoV

ก่อนหน้านี้ ไวรัสในตระกูล MERS-CoV ถูกพบเฉพาะในค้างคาวในแอฟริกา ยุโรป และตะวันออกกลางเท่านั้น ตามรายงานของสื่อ ระบุว่า “การวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ไวรัสที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกำลังแพร่กระจายในค้างคาวในอเมริกาใต้ และขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่รู้จักกัน” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทราบมานานแล้วว่า ไวรัสที่พบในค้างคาวเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของมนุษย์

ในปี 2002 โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) กลายเป็นโรคระบาดที่ติดต่อได้เป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 โดยไม่ทราบที่มาอัตราการเสียชีวิตจากการระบาดของไวรัสนี้ สูงถึงประมาณ 10% เมื่อสิ้นสุดการระบาดในเดือนมิถุนายน 2003

ภาพไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

ต่อมา นักวิจัยพบว่า ค้างคาวเป็นแหล่งรังโรคตามธรรมชาติของไวรัสโคโรนาที่คล้ายกับไวรัส SARS และหลังจากหลายปีของการทำงานอย่างหนัก พวกเขายืนยันว่า SARS-CoV-1 แพร่กระจายจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมาสู่คน

ในปี 2012 ไวรัสโคโรนาที่อันตรายอีกชนิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ไวรัส MERS ได้รับการระบุครั้งแรกในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะแพร่จากค้างคาวไปยังอูฐ และจากอูฐมาสู่คน แม้ว่าไวรัสนี้จะแพร่กระจายในหมู่คนได้ยากกว่า แต่มีนักเดินทางที่ได้นำเชื้อไปแพร่ยังสหรัฐอเมริกา ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย

ไวรัส MERS ทำให้เกิดกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) มีอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยสูงเกือบ 35% นับตั้งแต่มีการระบุในปี 2012 ส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ แม้ว่าผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง อาจจะไม่ได้รับการรายงาน แต่ไวรัสนี้มีอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยสูงที่สุด ในบรรดาไวรัสโคโรนาที่สามารถติดต่อสู่คนได้ ทำให้เป็นไวรัสที่อันตรายที่สุด

เมื่อเปรียบเทียบกัน ไวรัสโคโรนาที่เป็นสาเหตุของการระบาดใหญ่ COVID-19 หรือ SARS‑CoV‑2 มีอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยประมาณ 2% ตามการศึกษาในปี 2022

การค้นพบไวรัสสายพันธุ์คล้าย MERS ในอเมริกาใต้ ตอกย้ำถึงการเผยแพร่โรคของค้างคาวในฐานะแหล่งรังโรคของไวรัสอุบัติใหม่ พร้อมอธิบายว่า “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่ามันสามารถติดต่อสู่คนได้หรือไม่ แต่เราตรวจพบส่วนของโปรตีน spike ของไวรัส ซึ่งจับกับเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเริ่มต้นการติดเชื้อ บ่งชี้ว่าอาจมีปฏิสัมพันธ์กับตัวรับที่ MERS-CoV ใช้” 

อีกทั้งต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม และวางแผนที่จะทำการทดลองในฮ่องกงในปีนี้

ตั้งแต่ปี 2020 โลกได้ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามของไวรัสโคโรนาที่แพร่จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสู่คนอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม การค้นพบไวรัสจากค้างคาวที่อันตรายในอเมริกาใต้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างแน่นอน แต่มันก็เป็นจุดที่น่าสบายใจเพราะเมื่อเรารู้ว่ามันมีอยู่จริง นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถจับตาดูภัยคุกคามนั้นได้อย่างใกล้ชิด

ข้อมูลจาก : sciencealert

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button