เปิดประวัติ “ษัษฐรัมย์” ผู้ผลักดันสูตรบำนาญประกันสังคม ก้าวแรกสู่ รัฐสวัสดิการ

ประวัติ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ทำความรู้จัก ผู้ผลักดันสูตรบำนาญประกันสังคม ช่วยให้ผู้ประกันตนให้ได้รับความเป็นธรรม
ก่อนหน้านี้หลายคนรู้จัก ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ในฐานะของอาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ศึกษาวิจัยด้านรัฐสวัสดิการและผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐสวัสดิการ หนึ่งผู้ร่วมจัดตั้งและที่ปรึกษาปีกแรงงานอดีตพรรคอนาคตใหม่
ตัดภาพสลับมาตอนที่ บอร์ดประกันสังคม ชุดแรกที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อ หลังจากเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตน (ลูกจ้าง) ซึ่งเป็นการเลือกตั้งตัวแทนเข้าไปตัดสินใจด้านนโยบายการประกันสังคมครั้งแรกของประเทศไทย หลังมีกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2558 ศูนย์อำนวยการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม)
โดยหลังจากสรุปผลการเลือกตั้งในฝ่ายผู้ประกันตนทีมประกันสังคมก้าวหน้ากวาดที่นั่งไป 6 ที่นั่ง จากทั้งหมด 7 ที่นั่ง ส่วนอีกที่นั่งเป็นของ ปรารถนา โพธิ์ดี ประธานเครือข่ายพนักงานราชการไทย โดยต่อมานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 106/2567 เรื่องการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม ลงวันที่ 14 ก.พ. 2567 ชื่อของรศ.ด.ร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ก็มาปรากฏเป็น 1 ใน 7 รายชื่อของกรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน
กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน 7 ราย มีดังนี้
- รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
- นายธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน
- นายศิววงศ์ สุขทวี
- นายชลิต รัษฐปานะ
- นางสาวนลัทพร ไกรฤกษ์
- นางลักษมี สุวรรณภักดี
- นายจตุรงค์ ไพรสิงห์
ทั้งนี้ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้างและกรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนมีวาระการดำรงตำแหน่ง คราวละ 2 ปี

เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับมติชน เมื่อ 16 พ.ค.64 ที่ตอนนั้น พาดหัวข่าวเร้าอารมณ์ทำนอง บนความใฝ่ฝันถึง “รัฐสวัสดิการ” ในวันที่คนรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศ โดยมีการยกเนื้อหาจากสถิติของธนาคารโลก ชี้ให้เห็นสำหรับคนไทยหากเกิดในครึ่งล่างของประเทศ หากพยายามเต็มที่จะมีโอกาสเพียงแค่ 15% ที่จะเป็นชนชั้นกลาง หรือ 25% ของประเทศนี้
นั่นหมายความว่า คุณต้องทำงานหนักเป็น 10 เท่า เพียงแค่จะมีชีวิตตามแบบมาตรฐานของคนทั่วไป
ขณะที่ปัจจุบัน หลังจากผ่าน 391 วันตั้งแต่มีบอร์ดประกันสังคมก้าวหน้าชุดใหม่ ในที่สุดวันนี้ ประชาชนที่อยู่ในระบบผู้ประกันตนทุกคนมาตรา 33 และมาตรา 39 ไปจนม.40 โดยประโยชน์ที่เห็นชัดๆ คือ ผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับเงินบำนาญชราภาพที่เป็นธรรมมากขึ้น
เนื่องจากสูตรใหม่จะไม่ใช้ฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย แต่คำนวณจากฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงในมูลค่าปัจจุบัน ถึงจะตกงานแล้วไปต่อมาตรา 39 เงินสมทบทั้ง 2 ส่วน ที่ส่งไปมาตรา 33 และส่งมาตรา 39 ก็จะถูกนำมาคำนวณด้วย ยกตัวอย่างผู้ประกันตนมาตรา 39 ส่งเงินสมทบทั้งหมด 25 ปี โดยส่งเงินสมทบมาตรา 33 มา 15 ปี และส่งต่อมาตรา 39 อีก 10 ปี
ถ้าสูตรเดิมคำนวณ 20% คูณด้วย 4,800 บาท จะได้เงินบำนาญที่ 960 บาท ถ้าสมทบมาเกิน 180 เดือน จะได้เพิ่มอีกปีละ 1.5% หรือ 720 บาท รวมแล้วผู้ประกันตนรายนี้ จะได้รับบำนาญอยู่ที่เดือนละ 1,680 บาท
แต่ถ้าใช้สูตรใหม่ 20% คูณด้วย ฐานเงินเดือนเฉลี่ยส่งจริงในมูลค่าปัจจุบัน จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ได้เพิ่มอีกปีละ 1.5% เช่นกัน รวมแล้วผู้ประกันตนมาตรา 39 รายนี้ จะได้เงินบำนาญเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,800 บาท
ทั้งนี้ สิทธิของผู้ประกันตนมาตรา 33 จะไม่เปลี่ยนแปลง คือได้บำนาญชราภาพไม่ต่างจากสูตรเดิม แต่จะมีการปรับฐานเงินเดือนช่วงแรกที่เคยต่ำให้เป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อตามมูลค่าปัจจุบัน
รศ.ษัษฐรัมย์ กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม ย้ำว่าการใช้สูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ ไม่ใช่การเพิ่มเงินบำนาญ แต่เป็นการคำนวณเงินบำนาญที่ผู้ประกันตนควรจะได้รับอย่างเป็นธรรม


3 อัตลักษณ์ล้าหลัง ขวาง ความเท่าเทียมทางนโยบาย
ถามว่าอะไรคืออุปสรรคต่อการสร้างสังคมที่เป็นธรรมในปัจจุบัน รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุว่ามีอยู่ 3 ปัจจัย
อัตลักษณ์ ที่ 1 “ผูกขาดอำนาจทางการเมือง”
ผ่านเครือข่ายกลุ่มทุน กองทัพ ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สามารถเข้ามาได้ ไม่มีความคิดใหม่ ไม่เกิดการนำเสนอนโยบายที่ท้าทายอำนาจ แม้มีการเลือกตั้ง มีพรรคการเมือง นำเสนอโยบายได้ แต่ไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เพราะการมีรัฐประหารที่ต่อเนื่องยาวนาน มีกลไกการสืบทอดอำนาจ เมื่อเสียงความต้องการของประชาชนไม่สามารถถูกส่งต่อออกไปได้ ความเท่าเทียมทางนโยบายก็ไม่เกิดขึ้น
อัตลักษณ์ที่ 2 “ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ”
- เรามีประโยคที่ว่า ‘ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน’ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ คนที่ยากจนที่สุด คือกลุ่มคนที่ทำงานหนักมากที่สุด ยิ่งรายได้น้อย ชั่วโมงการทำงานยิ่งสูง ทุกวันนี้เกิดกลุ่มผู้ใช้แรงงานกลุ่มใหม่เรียกว่า กลุ่มแรงงานเสี่ยง แบกรับความเสี่ยงแทนนายทุน กลไกเทคโนโลยีผูกขาด ทำให้นายทุนมั่งคั่งมากขึ้นในเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ผู้ใช้แรงงานแบกรับความเสี่ยงมากขึ้นจนไม่สามารถต่อรองอะไรได้ มอเตอร์ไซค์ หมวกกันน็อก น้ำมัน ก็เงินของผู้ใช้แรงงาน นั่นคือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
- มีผู้ใช้แรงงานอิสระ กว่า 20 ล้านคน ครึ่งหนึ่งมีรายได้น้อยกว่า 8,000 บาท/เดือน ทำงานสูงกว่า 50 ชม./สัปดาห์ ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่เกิดขึ้นผ่านเงื่อนไขที่ทำให้ ‘ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ’ มากขึ้นและแนบชิดกับกลไกอำนาจของ ‘ชนชั้นนำทางการเมือง’

อัตลักษณ์ 3 (สุดท้าย) “ชนชั้นนำแบบจารีตประเพณี”
- อาศัยความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางสังคม ผูกคนไว้กับความกตัญญู ครอบครัว และการรับผิดชอบ บอกให้เรา ‘ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน’ เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ให้เสียสละเพื่อชีวิตของคนภาคหน้า เพื่อครอบครัวของเรา ทำงานหนักทั้งชีวิต แต่ไม่สามารถทำให้ผู้คนในครอบครัวมีชีวิตที่ดีได้ ซ้ำได้ไปกว่านั้น คนรุ่นใหม่กำลังถูกขังไว้อยู่กับสังคมผู้สูงอายุ ที่พ่อแม่ของเขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต แต่กลับไม่สามารถมีเงินบำนาญเพียงพอที่จะดูแลชีวิตยามเกษียณ คนรุ่นใหม่กำลังเหนื่อยล้า ด้วยสิ่งที่กดทับพวกเขา ทั้งอำนาจทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และทางจารีตประเพณีทำให้ไม่สามารถที่จะมีความทรงจำหรือจินตนาการใหม่ๆ เกี่ยวกับความเท่าเทียมได้เลย
“สุดท้ายเราก็ได้แต่ปลอบตัวเองว่าประเทศไทยนี้ไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่พร้อมต่อการสร้างสังคมที่เป็นธรรม และไม่พร้อมต่อรัฐสวัสดิการ” บทปาฐกถา “รัฐสวัสดิการ เพื่อความสุขสมบูรณ์ของราษฎร” โดย รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ในวาระรำลึก 121 ปีชาตกาล ปรีดี พนมยงค์ 2564 ซึ่งหล่นทิ้งท้ายที่หล่นไว้เมื่อ 3 ปีก่อน
ปัจจุบันนักวิชาการเจ้าของถ้อยคำดังกล่าว ได้อัปเดตความเปลี่ยนแปลงสดๆ ร้อนๆ หลังปลดล็อกข้อเสนอปฏิรูปประกันสังคมด้วยสูตรคำนวนบำนาญใหม่ โดยเปรยให้ผู้ประกันตนมาช่วยลุ้นกันต่อกับขั้นตอนการเริ่มทำประชาพิจารณ์หลังจากนี้
“ผ่านแล้วขั้นรับหลักการ! สูตรบำนาญใหม่ ทวงความเป็นธรรมคืนให้ผู้ประกันตน เริ่มทำประชาพิจารณ์ต่อ!”.

ทำความรู้จัก “ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี” ประวัติ ผู้ผลักดันประเด็นรัฐสวัสดิการโดยตรง
- ผู้อำนวยการดูแลศูนย์วิจัยรัฐสวัสดิการทางความเป็นธรรมศึกษา ผลักดันประเด็นรัฐสวัสดิการโดยตรง
- ที่ปรึกษา นักวิชาการให้ข้อมูลกลุ่มโครงการเสริมศักยภาพเครือข่าย เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการสังคมและสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (คคสส.) หรือ We Fair เป็นเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ
- ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ปี 2561 ช่วยวางนโยบายเรื่องรัฐสวัสดิการให้กับอนาคตใหม่ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกล และยังคงเป็นที่ปรึกษานโยบายด้านรัฐสวัสดิการ และช่วยร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ หรือ ประเด็นเรื่องพ.ร.บ.บำนาญฉบับยื่นประกบกับฉบับของภาคประชาชน
- ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ของสภาผู้แทนราษฎร
ประวัติการศึกษาการศึกษา รองศาสตราจารย์ ดร. ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
การศึกษา (ที่มา : cis.tu.ac.th/cvinstructor1)
- 2007 B.A. Political Science, International Relations; Second Class Honors.Chulalongkorn University Thailand.
- 2008 PhD. Candidate in Political Science, Chulalongkorn University (Course Work GPAX: 3.64)
Thesis Title:Political Economy of Transnational Worker’s Welfare : A case study of Burmese workers in Samuthprakarn province.
(Thailand Research Fund and Chulalongkorn University, Supervised by Prof.Supang Chantavanich,PhD.) - 2010-2011 Visiting Scholar at Sussex Center of Migration Research; University of Sussex, United Kingdom ,Mentor: Prof.Ronald Skeldon, PhD. (until 30th March 2011)
- 2012 PhD Political Science-International Relations (Chulalongkorn University)
ความสนใจ-ความเชี่ยวชาญ
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- รัฐสวัสดิการ





อ่านข่าวเพิ่มเติม
- บอร์ดประกันสังคม เห็นชอบ บำนาญสูตรใหม่ ม.33-39 ได้เงินเกษียณเพิ่ม
- รักชนก อึ้ง บอร์ดประกันสังคมนายจ้าง ไม่ยอมเปิดเอกสาร เพราะกลัวติดคุก
- รอเก้อ บอร์ดประกันสังคม ตีกลับ สูตรคำนวณบำนาญใหม่ ลุ้นพิจารณา มี.ค.นี้
- เงินบำนาญ ประกันสังคม ม.33 ม.39 ได้กี่บาท วิธีคำนวณ ทุกเดือนตลอดชีวิต