ประวัติ อดีตพระยันตระ ปิดตำนาน ผู้ไกลจากกิเลส จนพ้นจากพระ ก่อนเสียชีวิต ในวัย 73 ปี

เปิดประวัติ ‘อดีตพระยันตระ’ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ เสียชีวิตลงแล้วในวัย 73 ปี ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ปิดฉากชีวิตที่ผันผวนจากพระชื่อดัง สู่อดีตนักบวช
ข่าวเศร้าจากแดนไกล เมื่อเพจเฟซบุ๊ก Suññataram California Monastery PhraAjahn Yantra Amaro ได้แจ้งข่าวว่า “อดีตพระยันตระ” หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 ณ วัดสุญญตาราม รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สิริอายุรวม 73 ปี พรรษา 51
การจากไปของอดีตพระชื่อดัง สร้างความอาลัยให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ เหตุเพราะท่านเพิ่งจะเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท่ามกลางผู้เลื่อมใสศรัทธาที่รอต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิกันอย่างคับคั่ง
ในขณะเดียวกัน ประชาชนผู้เคยติดตามข่าวสารของท่านต่างก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเช่นกัน และเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เคยอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างมุ่งมั่น ทั้งยังเป็นที่เคารพของผู้คนมากามาย ทางทีมงาน เดอะ ไทยเกอร์ จึงอยากพาทุกท่านไปย้อนประวัติ ‘อดีตพระยันตระ’ ตลอดเส้นทางการเป็นสงฆ์ สู่วันตกเป็นที่ครหาเพราะคดีอื้อฉาว

ย้อนรอยชีวิต “อดีตพระยันตระ” จากผู้ไกลจากกิเลส จนวันจนเส้นทางธรรมในไทย
นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ อดีตพระภิกษุชื่อดัง เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านอุปสมบทที่วัดรัตนาราม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2517 โดยใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่า “พระยันตระ” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้ไกลจากกิเลส” อันเป็นชื่อเดิมที่ท่านใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นฤาษี
หลังจากอุปสมบท พระยันตระได้เริ่มเดินสายเผยแผ่พระพุทธศาสนา จนมีลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก และได้มอบที่ดินให้ท่านสร้างวัดในสังกัดมากมาย โดยทุกวัดในสังกัดของท่านจะใช้ชื่อ “สุญญตาราม” เป็นชื่อประกอบเสมอ
มรสุมชีวิตปี 2537 โดนกล่าวหาล่วงละเมิดเมถุน สู่การขาดจากความเป็นพระ
ชื่อเสียงของพระยันตระเป็นที่รู้จักไปทั่วไทยในฐานะสงฆ์ผู้น่าเลื่มใส แต่แล้วในปี 2537 ชีวิตของท่านก็พลิกผันครั้งใหญ่ เมื่ออดีตพระยันตระตกเป็นข่าว ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดเมถุนกับสีกา จนกลายเป็นคดีความใหญ่โต จนที่สุด มหาเถรสมาคมได้มีคำสั่งให้ท่าน ‘ขาดจากความเป็นพระภิกษุ’ ตามพระวินัยบัญญัติ
เรื่องราวในครั้งนั้นเริ่มต้นจากการมีผู้ออกมาเปิดเผยว่า อดีตพระยันตระมีพฤติกรรมล่อลวงหญิงสาว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเพียงการข้อกล่าวหาลอย ๆ แต่ยังมีการเปิดเผยพฤติกรรมไม่เหมาะสมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราวความสัมพันธ์ลับ ๆ กับหญิงสาวหลายราย โดยขณะนั้นมีการกล่าวหาว่า อดีตพระยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกาบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่ลับตาคน เหมาะแก่การกระทำที่ไม่เปิดเผย
ยิ่งไปกว่านั้นคือกรณีอื้อฉาวกับ ‘นางจันทิมา’ ที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคม โดยเธอถึงขั้นปรากฏตัวพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง พร้อมอ้างว่าเป็นลูกสาวที่เกิดจากความสัมพันธ์ของเธอกับอดีตพระยันตระ และเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ นางจันทิมาจึงนำหลักฐานต่าง ๆ มาเปิดเผย เช่น ภาพถ่ายการใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา ซึ่งสร้างความฮือฮาและสั่นสะเทือนวงการสงฆ์ในขณะนั้น

ไม่จบเท่านั้น นางจันทิมา ได้ท้าทายให้ อดีตพระยันตระ เข้ารับการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อของเด็กหญิงและเพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความศรัทธาที่ประชาชนมีต่ออดีตพระยันตระ
ก่อนที่ต่อมาจะมีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีญาติโยมบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้จ่ายค่าบริการทางเพศที่สถานบริการทางเพศในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การฟ้องร้องในหลายคดีคความ เมื่อช่วงปี 2537 กระทั่งมหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากความเป็นภิกษุ
อย่างไรก็ตาม อดีตพระยันตระไม่ยอมรับมติสงฆ์ ยืนกรานว่าตนเองยังคงเป็นพระภิกษุเช่นเดิม หลังจากนั้นท่านก็ได้หลบลี้ไปอาศัยยังประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเป็นเวลานานกว่า 20 ปี
ในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา อดีตพระยันตระได้เปลี่ยนสีจีวรจากสีเหลือง มาเป็นสีเขียว และแต่งกายแตกต่างไปจากพระสงฆ์ทั่วไปในประเทศไทย ส่งผลให้มีการเรียกท่านว่า ‘จิ้งเขียว’

กระแสข่าวของอดีตพระยันตระกลับมาเป็นที่สนใจของสังคมไทยอีกครั้ง เมื่อมีการเผยแพร่ภาพของพระสงฆ์จำนวนมากเดินทางไปร่วมพิธีครบรอบ 70 ปี และก้มลงกราบไหว้อดีตพระยันตระ ภาพดังกล่าวจุดประกายให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสม และการปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จากสังคมวงกว้าง
ต่อมา อดีตพระยันตระได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ยืนยันว่าตนเองยังคงเป็นนักบวช และใช้คำแทนตัวเองว่า “อาตมา” เช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป”

“อดีตพระยันตระ” เดินทางกลับไทย บรรดาลูกศิษยังคงเลื่อมใสศรัทธา
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ใช้โซเชียลต่างแชร์ภาพและคลิปของ อดีตพระยันตระ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ขณะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์เดินทางมาต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิกันอย่างคับคั่ง
อดีตพระยันตระ ได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังที่พัก ก่อนจะเดินทางไปรับประทานอาหารที่บ้านของลูกศิษย์ จากนั้นก็ได้เดินทางไปยังท้องสนามหลวง เพื่อสักการะพระบรมสาริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
ด้วยระยะเวลาเพียงไม่นานหลังจากที่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้เข้าต้อนรับครั้งล่าสุด การจากไปของอดีตพระยันตระ จึงเป็นข่าวคราวที่สร้างความโศกเศร้าไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการปิดฉากชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งด้านสว่างและด้านมืด ชีวิตของท่าน อันเปรียบเสมือนอุทาหรณ์สอนใจให้พุทธศาสนิกชนได้พิจารณาถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และการดำรงตนอยู่ในศีลในธรรม




อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อดีตพระยันตระ เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 73 ปี ที่แคลิฟอร์เนีย ลูกศิษย์แห่อาลัย
- สาธุ อดีตพระยันตระ เดินทางกลับไทย พระสงฆ์และลูกศิษย์รอรับแน่นสุวรรณภูมิ
- อดีตพระยันตระ ยกเลิกสัมภาษณ์ โหนกระแส ลูกศิษย์จี้คนปล่อยคลิปรีบมาขอขมา