หัวใจวาย vs. หัวใจล้มเหลว เหมือนหรือต่างกัน ใครเสี่ยงตายมากสุด

โรคหัวใจวาย
เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายได้
สาเหตุหลักของโรคหัวใจวายคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) ซึ่งเกิดจากการสะสมของคราบไขมัน (Plaque) ในผนังหลอดเลือดแดง เมื่อคราบไขมันเหล่านี้แตกออก จะทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหลอดเลือดหัวใจหดเกร็งเฉียบพลัน (Coronary Artery Spasm) ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดรุนแรง อุณหภูมิเย็นจัด หรือการใช้สารเสพติด ก็เป็นสาเหตุของโรคหัวใจวายได้เช่นกัน
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
เกิดขึ้นเมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากโรคหัวใจวาย หรือจากการที่หัวใจห้องล่างซ้ายแข็งตัว ไม่สามารถคลายตัวได้ตามปกติ นอกจากนี้ โรคหรือภาวะต่างๆ ก็สามารถเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้เช่นกัน ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคลิ้นหัวใจ การติดเชื้อไวรัส หรือการใช้สารเสพติด
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ
หัวใจล้มเหลวชนิด systolic เกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายไม่สามารถบีบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจ
หัวใจล้มเหลวชนิด diastolic เกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายแข็งตัว ไม่สามารถคลายตัวได้ตามปกติ ทำให้หัวใจไม่สามารถรับเลือดเข้ามาได้เพียงพอ
หัวใจล้มเหลวชนิดด้านขวา (Right-sided heart failure) ส่งผลกระทบต่อด้านขวาของหัวใจซึ่งทำหน้าที่รับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำจากร่างกาย โดยหัวใจด้านขวาไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปยังปอดเพื่อรับออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวชนิดด้านซ้าย เนื่องจากเมื่อหัวใจด้านซ้ายอ่อนแอลง เลือดจะไหลย้อนกลับไปยังหัวใจด้านขวา ทำให้หัวใจด้านขวาทำงานหนักขึ้น นอกจากนี้ ภาวะลิ้นหัวใจผิดปกติ หรือโรคที่ส่งผลต่อปอด เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ก็อาจเป็นสาเหตุของหัวใจล้มเหลวชนิดด้านขวาได้เช่นกัน
หัวใจวายกับหัวใจล้มเหลว ความสัมพันธ์ที่ควรรู้
โรคหัวใจวายสามารถนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ หากกล้ามเนื้อหัวใจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการขาดเลือด ซึ่งมักเกิดขึ้นที่หัวใจห้องล่างซ้าย (Left Ventricle) อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคหัวใจวายบางรายอาจไม่เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรืออาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและสามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งผู้ป่วยได้รับการรักษาโรคหัวใจวายเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อหัวใจอย่างถาวรก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
เปรียบเทียบ หัวใจวาย VS หัวใจล้มเหลว
หัวใจวาย | หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน | |
---|---|---|
สาเหตุ | หลอดเลือดหัวใจอุดตันจากคราบไขมัน หรือภาวะหลอดเลือดหัวใจหดเกร็งเฉียบพลัน | กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง, ลิ้นหัวใจผิดปกติ, ความดันโลหิตสูง, การติดเชื้อ |
อาการ | เจ็บหน้าอกแบบบีบรัดหรือแน่นหน้าอก, หายใจไม่ออก, เหงื่อออก, คลื่นไส้, วิงเวียน ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย โดยเฉพาะผู้หญิงและผู้ป่วยโรคเบาหวาน | หายใจไม่ออก, เหนื่อยล้า, บวมที่ขาและเท้า, ไอ, หัวใจเต้นเร็ว |
การวินิจฉัย | ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), ตรวจเลือด, | ตรวจร่างกาย, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), เอ็กซเรย์ทรวงอก, ตรวจเลือด |
การรักษา | ละลายลิ่มเลือด, ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Percutaneous Coronary Intervention: PCI) หรือการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา | ยาขับปัสสาวะ, ยาลดความดันโลหิต, ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ, การผ่าตัด ในผู้ป่วยบางราย อาจต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจ (Implanted Defibrillator) รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด |
ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน | หัวใจเต้นผิดจังหวะ, หัวใจล้มเหลว, ช็อกจากภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะหัวใจแตก (Heart Rupture) | ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง, ภาวะแทรกซ้อนทางปอด เช่น ภาวะน้ำท่วมปอด (Pulmonary Edema), ภาวะไตวาย |
ปัจจัยเสี่ยง
โรคหัวใจวายและหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน มีปัจจัยเสี่ยงร่วมกันหลายประการ ได้แก่
- อายุที่เพิ่มขึ้น
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- การสูบบุหรี่
- การรับประทานอาหารที่มีโซเดียม คอเลสเตอรอล และไขมันอิ่มตัวสูง
- การขาดการออกกำลังกาย
- โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และโรคอ้วน
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม บางยีนอาจมีการกลายพันธุ์ที่ทำให้เนื้อเยื่อหัวใจอ่อนแอลงหรือมีความยืดหยุ่นน้อยลง
ยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงมากเท่าไหร่ โอกาสในการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
วิธีป้องกัน
การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจทั้งสองชนิดนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี เช่น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- งดสูบบุหรี่
- จัดการความเครียด
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
อ้างอิงจาก
- complications of a heart attack – NHS
- Heart Attack Vs. Heart Failure: What Are the Differences? – Healthline
- Difference Between Heart Failure and Heart Attack – WebMD
- Heart Failure vs. Heart Attack: Learn the Difference – Cardiovascular Institute of the South
- Heart Attack vs. Heart Failure: 5 Major Differences – GoodRx
- Heart Attack, Cardiac Arrest, and Heart Failure—What’s the Difference? – Cedars-Sinai
- Heart Failure – Causes and Risk Factors | NHLBI, NIH
- Heart failure – Symptoms and causes – Mayo Clinic
- What is the difference between heart failure and a heart attack? – MedicalNewsToday
- Heart Attack and Sudden Cardiac Arrest Differences | American Heart Association
- What’s the difference between a heart attack, cardiac arrest and heart failure?