เตือนภัยวัยรุ่น “กินโปร” คืออะไร เจาะลึกยาอันตราย วิธีแก้พิษเบื้องต้น

กินโปร ภัยร้ายเงียบคร่าชีวิตวัยรุ่น เจาะลึกยาอันตราย โปรโคดิล/โปรเมทาซีน สาเหตุการเสพยอดฮิต ผลข้างเคียงถึงตาย แนะนำวิธีรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
จากกรณีข่าวเศร้าการเสียชีวิตของนักศึกษาหลังจากการ “กินโปร” ทำให้สังคมกลับมาตระหนักถึงอันตรายของการใช้ยาในทางที่ผิดอีกครั้ง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับกินโปร ซึ่งหมายถึงการใช้ยา “โปรโคดิล” (Procodyl Syrup) หรือยาที่มีส่วนประกอบของ “โปรเมทาซีน” (Promethazine) ในทางที่ผิด เราจะมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่วัยรุ่นนิยม อันตรายที่แท้จริงที่แฝงอยู่ รวมถึงวิธีรับมือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น
“กินโปร” คืออะไร?
“กินโปร” ตามข้อมูลล่าสุด หมายถึงพฤติกรรมการ “ดื่มยาโปรโคดิล (Procodyl Syrup) หรือยาที่มีส่วนประกอบของโปรเมทาซีน (Promethazine)” ในทางที่ผิด โดยมักนำมาผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ และในบางครั้งอาจผสมกับยาอื่น ๆ เช่น ทรามาดอล (Tramadol) หรือ อัลปราโซแลม (Alprazolam) เพื่อเสริมฤทธิ์ให้เกิดอาการมึนเมาที่รุนแรงขึ้น ลักษณะการใช้ยาแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับ “4×100” ซึ่งเป็นยาเสพติดที่เคยระบาดในหมู่วัยรุ่น
ทำไมวัยรุ่นถึงนิยม “กินโปร”?
ความนิยมในการกินโปรซึ่งหมายถึงยาโปรโคดิลหรือโปรเมทาซีน ในหมู่วัยรุ่นมีสาเหตุมาจาก
- ฤทธิ์ที่ทำให้เกิดความมึนเมาและเคลิบเคลิ้ม โปรเมทาซีน (Promethazine) เป็นยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง เมื่อใช้ในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการง่วงซึม มึนงง เคลิ้มสุข และขาดสติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็นอาการที่วัยรุ่นบางกลุ่มต้องการเพื่อหลีกหนีปัญหา หรือต้องการความสนุกชั่วคราว
- ราคาค่อนข้างถูกและหาซื้อได้ (แต่เริ่มมีการควบคุมมากขึ้น) ยาโปรโคดิล (Procodyl Syrup) ในอดีต สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนยาที่มีโปรเมทาซีนเป็นส่วนประกอบ แม้จะมีการควบคุมมากขึ้น แต่ก็ยังอาจมีการซื้อขายในช่องทางที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ด้วยความตระหนักถึงปัญหา “กินโปร” หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการควบคุมการจำหน่ายยาโปรโคดิลและยาที่มีโปรเมทาซีนเข้มงวดมากขึ้น ทำให้การหาซื้อยาเหล่านี้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่วัยรุ่นจะเข้าถึงยาเหล่านี้ได้จากช่องทางที่ไม่ถูกต้อง
- ความเข้าใจผิดและค่านิยมผิด ๆ วัยรุ่นบางกลุ่มอาจเข้าใจผิดว่า “กินโปร” ไม่ใช่ยาเสพติดร้ายแรง และมองว่าเป็นเพียง “แฟชั่น” หรือ “กิจกรรม” ที่ทำตามเพื่อน โดยไม่ตระหนักถึงอันตรายที่แท้จริง
ไขสงสัย ยาโปรที่วัยรุ่นกัน คือยาอะไร?
โปรโคดิล ไซรัป (Procodyl Syrup) เป็นชื่อการค้าของยา สูตรผสม ที่มีตัวยาสำคัญคือ ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ และ เฟนิลเอฟรีน (Phenylephrine) ซึ่งเป็นยาลดน้ำมูก แต่เดิมยาโปรโคดิลมีส่วนผสมของตัวยาแก้ไอ “ไดไฮโดรโคเดอีน” (Dihydrocodeine) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีนและมีฤทธิ์เสพติด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน อย. ได้ยกเลิกทะเบียนยาโปรโคดิลที่มีส่วนผสมของไดไฮโดรโคเดอีนไปแล้ว ยาโปรโคดิล ไซรัป ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน จึงไม่มีส่วนผสมของไดไฮโดรโคเดอีนแล้ว แต่ถึงกระนั้น วัยรุ่นก็ยังคงนำยาโปรโคดิล ไซรัป สูตรใหม่นี้ไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากยา ไดเฟนไฮดรามีน ในโปรโคดิล ก็มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมและเคลิบเคลิ้มได้เมื่อใช้ในปริมาณมาก
ยาที่มีส่วนประกอบของโปรเมทาซีน (Promethazine) เป็นยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึมและเคลิบเคลิ้มได้ ยาที่มีโปรเมทาซีนเป็นส่วนประกอบมีหลายชื่อการค้า และมีทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาน้ำ วัยรุ่นมักนำยาน้ำที่มีโปรเมทาซีนไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากดื่มง่ายและออกฤทธิ์ได้เร็วกว่ายาเม็ด
ยาโปร ซื้อได้ที่ไหน? ทำไมถึงซื้อได้?
ในอดีตที่ยาเหล่านี้ซื้อได้ค่อนข้างง่าย เป็นเพราะยาเหล่านี้ เดิมทีจัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน หรือยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ทำให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงยาเหล่านี้ได้ง่าย
- ยาโปรโคดิล ไซรัป (สูตรเดิมที่มีไดไฮโดรโคเดอีน) ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว เนื่องจากถูกยกเลิกทะเบียนยาไปแล้ว
- ยาโปรโคดิล ไซรัป (สูตรใหม่ที่ไม่มีไดไฮโดรโคเดอีน) ยังคงมีจำหน่าย ตามร้านขายยาทั่วไป แต่มีการควบคุมการจำหน่ายมากขึ้น เภสัชกรอาจต้องสอบถามอาการก่อนจ่ายยา และจำกัดปริมาณการขาย
- ยาที่มีส่วนประกอบของโปรเมทาซีน (Promethazine) ยังคงมีจำหน่าย ทั้งยาเม็ดและยาน้ำ แต่มีการควบคุมการจำหน่ายมากขึ้น โดยเฉพาะยาน้ำที่มีโปรเมทาซีนเป็นส่วนประกอบ ร้านขายยาบางแห่งอาจไม่จำหน่ายให้วัยรุ่น หรือจำกัดปริมาณการขาย
แต่ปัจจุบัน ด้วยปัญหากินโปรที่ทวีความรุนแรงขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงปัญหาและเริ่มมีการควบคุมการจำหน่ายยาเหล่านี้เข้มงวดมากขึ้น
วิธีกินโปร ที่วัยรุ่นนิยม ?
- ดื่มยาโปรโคดิล ไซรัป (Procodyl Syrup) ในปริมาณมาก โดย ดื่มครั้งละ 1-2 ขวด หรือมากกว่านั้น เพื่อให้ได้รับยาไดเฟนไฮดรามีนในปริมาณสูง จนเกิดฤทธิ์มึนเมา
- ดื่มยาน้ำที่มีส่วนประกอบของโปรเมทาซีน (Promethazine) ในปริมาณมาก ดดย ดื่มยาน้ำโปรเมทาซีนครั้งละหลายช้อนโต๊ะ หรือทั้งขวด เพื่อให้ได้รับยาโปรเมทาซีนในปริมาณสูง จนเกิดฤทธิ์เคลิบเคลิ้ม
- ผสมกับเครื่องดื่มอื่น ๆ โดยมักผสมยาโปรโคดิล หรือยาน้ำโปรเมทาซีน กับเครื่องดื่มต่างๆ เช่น น้ำอัดลม ชาเขียว หรือน้ำหวาน เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น และอาจเชื่อว่าจะช่วยเสริมฤทธิ์ยา
- ผสมกับยาอื่น ๆ ในบางราย อาจนำยาโปรโคดิล หรือยาน้ำโปรเมทาซีน ไปผสมกับยาอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง เช่น ทรามาดอล (Tramadol) ซึ่งเป็นยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ หรือ อัลปราโซแลม (Alprazolam) ซึ่งเป็นยากลุ่มเบนโซไดอะซีปีน เพื่อเสริมฤทธิ์กดประสาทให้รุนแรงยิ่งขึ้น และเพิ่มความมึนเมา
กินโปร อันตรายแค่ไหน? ผลข้างเคียงร้ายแรงอย่างไร?
อันตรายเฉียบพลัน (ระยะสั้น)
-
- กดระบบประสาทส่วนกลางอย่างรุนแรง ทำให้ง่วงซึม สับสน มึนงง สับสนอย่างมาก สูญเสียการทรงตัว ควบคุมตัวเองไม่ได้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
- กดการหายใจอย่างรุนแรง โปรเมทาซีนและยาอื่นๆ ที่ผสม มีฤทธิ์กดการหายใจ การกินเกินขนาด หรือการผสมยาหลายชนิด อาจทำให้หายใจช้าลง หายใจตื้น หยุดหายใจ และเสียชีวิตเฉียบพลันได้ง่าย
- หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ยาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นแผ่ว หรือหัวใจหยุดเต้น
- ความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง: อาจทำให้ช็อก หมดสติ และเป็นอันตรายถึงชีวิต
- อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป (Hyperthermia) โปรเมทาซีนอาจทำให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง
- อาการทางจิตเวชเฉียบพลัน เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง
- ชัก โคม่า และเสียชีวิต ในกรณีที่ได้รับยาเกินขนาดมากๆ หรือผสมยาอันตรายหลายชนิด อาจทำให้เกิดอาการชัก โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด (ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษา)
อันตรายระยะยาว
-
- เสพติดอย่างรุนแรง การกินโปร โดยเฉพาะเมื่อผสมกับยาอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์เสพติด เช่น ทรามาดอล หรืออัลปราโซแลม จะนำไปสู่การเสพติดที่รุนแรงและรวดเร็ว
- โรคทางจิตเวชเรื้อรัง การใช้ยาในทางที่ผิดเป็นเวลานาน จะทำลายสมอง และนำไปสู่โรคทางจิตเวชเรื้อรัง เช่น โรคจิตเภท โรคไบโพลาร์ โรคซึมเศร้า วิตกกังวลเรื้อรัง และภาวะสมองเสื่อมก่อนวัย
- ตับและไตวายเรื้อรัง การ “กินโปร” เป็นประจำ ทำลายตับและไตอย่างหนัก ทำให้เกิดภาวะตับและไตวายเรื้อรัง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- ความเสียหายต่อสมองอย่างถาวร การใช้ยาในทางที่ผิดเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองในวัยรุ่น และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสมองอย่างถาวร ส่งผลต่อความจำ สติปัญญา และการเรียนรู้
- ปัญหาทางสังคมและอาชญากรรม การเสพติด “กินโปร” ส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน ความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง และอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม เพื่อหายาเสพติดมาเสพ
วิธีแก้พิษเบื้องต้น และสิ่งที่ต้องทำหากมีอาการรุนแรง
หากพบว่ามีผู้กินโปร เกินขนาด หรือมีอาการผิดปกติ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ระหว่างรอรถพยาบาล หรือระหว่างนำส่งโรงพยาบาล สามารถให้การช่วยเหลือเบื้องต้นดังนี้
1.ช่วยเหลือเบื้องต้น (ระหว่างรอรถพยาบาล หรือนำส่ง รพ.)
2. โทรสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน แจ้งอาการ “กินโปร” เกินขนาด ให้ชัดเจน
3. ประเมินอาการ สังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยเฉพาะ ระดับความรู้สึกตัว การหายใจ ชีพจร แจ้งข้อมูลเหล่านี้ให้เจ้าหน้าที่ 1669 ทราบ
4. ปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากผู้ป่วย หมดสติ ให้จับนอน ตะแคง เพื่อป้องกันการสำลัก ห้ามป้อนน้ำหรืออาหารใดๆ ทางปาก หาก หยุดหายใจ ให้ทำการ CPR (หากมีความรู้และได้รับการฝึกฝน) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
อาการรุนแรงที่ต้องรีบพบแพทย์
-
- หมดสติ ไม่รู้สึกตัว เรียกไม่รู้สึกตัว
- หายใจลำบาก หายใจช้า หรือหยุดหายใจ (สังเกตสีผิวคล้ำ ริมฝีปากเขียวคล้ำ)
- ชัก เกร็ง กระตุก
- เจ็บหน้าอกรุนแรง ใจสั่นมาก หัวใจเต้นผิดปกติ
- ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะรุนแรง เป็นลม
- อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นผิดปกติ ตัวร้อนจัด
- อาการทางจิตเวชเฉียบพลัน เช่น เห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงแว่ว หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง ควบคุมตัวเองไม่ได้
- อาเจียนรุนแรง อาเจียนไม่หยุด หรืออาเจียนเป็นเลือด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สะเทือนใจ สาวปวดหลังเรื้อรัง ตรวจเจอมะเร็ง แอดมิตเข้า ICU ก่อนจากไป
- อย่าชะล่าใจ หนุ่มใหญ่ปวดหลัง-ฉี่บ่อย พบไตวายเฉียบพลัน เพราะ 4 เมนูนี้
- เตือนแล้วนะ 3 อาหารค้างคืนห้ามกิน เสี่ยงก่อมะเร็ง มีของโปรดหลายคน
อ้างอิง: phufaresthome, mordeeapp, hdmall