ชำแหละสำนวนอัยการ สั่งฟ้อง “ทนายตั้ม-เมีย” และพวก รวม 7 ราย เรียกเงินคืนกว่า 111.5 ล้านบาท หลังหลอกลงทุนแอปฯหวย–ซื้อรถเบนซ์–อ้างกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ศาลอาญารับฟ้อง นัดสอบคำให้การ 7 ก.พ.นี้
ยังเป็นคดีที่ประชาชนติดตาม ทำชีวิตทนายตั้ม พลิกผันจากทนายประชาชนคนดัง ต้องฝากขังเรือนจำในฐานะผู้ต้องหา จากการที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่า “เจ๊อ้อย” เข้าแจ้งความดำเนินคดีพร้อมพวก รวม 4 คน กล่าวหาว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” และพวก รวมทั้งภรรยา ได้ร่วมกันหลอกลวงให้ลงทุนทำธุรกิจแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ ตลอดจนการอ้างเหตุซื้อรถเบนซ์ และประเด็นอ้างว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงินสูงถึงหลักร้อยล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า สำนักงานคดีพิเศษ ได้รับสำนวนการสอบสวนจาก กองบังคับการปราบปราม และมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 7 ราย ในความผิดฐานฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงิน และการสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฟอกเงิน
แยกสำนวน ฟ้อง 2 คดีหลัก
- สำนวนคดีที่ 1
- ระหว่าง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (ผู้กล่าวหา) กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด (ผู้ต้องหาที่ 1) และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ (ผู้ต้องหาที่ 2)
- ข้อหา: ฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกระทำผิดฟอกเงิน
- อัยการพิจารณาแล้วสั่งฟ้อง “ทนายตั้ม” (ผู้ต้องหาที่ 1) ทั้งข้อหาฉ้อโกงและร่วมกันฟอกเงิน และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา (ผู้ต้องหาที่ 2) ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบ
- สำนวนคดีที่ 2
- ระหว่าง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ กับพวกรวม 4 คน (ผู้กล่าวหา) กับ นายษิทรา (ผู้ต้องหาที่ 1) และพวกอีก 6 ราย
- ข้อหา: ฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกระทำผิดฟอกเงิน
- คดีมีเหตุเกิดในหลายพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรไทย รวมถึงในฮ่องกงและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด
เปิดยอดเงินเรียกคืน พุ่งทะลุ 111.5 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญที่ผู้ติดตามคดีนี้ให้ความสนใจคือ จำนวนเงินที่อัยการร้องขอต่อศาลให้ “ทนายตั้ม” และพวก ชดใช้คืนแก่ “เจ๊อ้อย” หากแพ้คดีฉ้อโกง โดยแยกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
- ส่วนแรก
- ขอให้ผู้ต้องหาที่ 1 (นายษิทรา) คืนเงิน 72,597,764.70 บาท
- กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และการหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถเบนซ์ รุ่น G 400
- ส่วนที่สอง
- ขอให้ผู้ต้องหาที่ 1 (นายษิทรา) ผู้ต้องหาที่ 3 (นายนุวัฒน์ ยงยุทธ) และผู้ต้องหาที่ 4 (น.ส.สารินี นุชนารถ) ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงิน 39,000,000 บาท
- กรณีร่วมกันหลอกลวง “เจ๊อ้อย” ว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ เพื่อให้โอนเงินเพิ่ม
เมื่อรวมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ตัวเลขความเสียหายที่เรียกคืน สูงถึงประมาณ 111.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่ “ทนายตั้ม” และพวกอาจต้องชดใช้คืน หากศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดจริง
ศาลอาญารับฟ้อง นัดสอบคำให้การ 7 ก.พ.
ในวันเดียวกันนั้น อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้นำสำนวนยื่นฟ้อง นายษิทราและพวก รวม 7 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งศาลได้รับฟ้องและมีคำสั่งนัดสอบคำให้การในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00 น.
ผู้ต้องหาที่ 6 และ 7 ซึ่งเป็นพนักงานขายรถเบนซ์ ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางหลักทรัพย์คนละ 1 แสนบาท
จับตา “ศึกกฎหมาย” สะเทือนค่ายทนาย
นับเป็นอีกหนึ่งบททดสอบใหญ่ในวงการกฎหมาย ด้วยสถานะของ “ทนายตั้ม” ซึ่งเป็นที่รู้จักในสังคม พัวพันข้อกล่าวหาด้านการหลอกลงทุน ตลอดจนการฟอกเงิน หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ทั้งเจ้าตัวและผู้ต้องหาร่วมคดีอาจต้องชดใช้เงินก้อนโตให้แก่ “เจ๊อ้อย” ตามตัวเลขที่อัยการร้องขอไว้กว่า 111.5 ล้านบาท ถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมกำลังจับตารอผลการพิจารณาในชั้นศาลอย่างใกล้ชิด
คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ “เจ๊อ้อย” เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “ทนายตั้ม” และพวกรวม 7 คน ฐานฉ้อโกง ฟอกเงิน และการสมคบกันเพื่อกระทำความผิด โดยอัยการมีคำสั่งฟ้องต่อศาล และยื่นขอให้จำเลยชำระเงินคืนกว่า 111.5 ล้านบาท หากตัดสินว่ามีความผิดจริง ศาลอาญานัดหมายสอบคำให้การในวันที่ 7 ก.พ. นี้ ด้านทนายความของผู้ต้องหา 6–7 ยื่นขอประกันตัวศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราว วงเงินคนละ 1 แสนบาท
ผลจะออกมาเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องติดตามการพิจารณาและคำพิพากษาของศาลอาญา ซึ่งจะชี้ชัดถึงชะตากรรมของ “ทนายตั้ม” และผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงชี้ขาดยอดเงินชดใช้ที่แท้จริงในท้ายที่สุด.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ท้าชนทุกคดี ล่าสุด โดนจับฐานฉ้อโกง
- เผยนาทีจับ ‘ทนายตั้ม-ภรรยา’ ถูกรวบขณะขับปอร์เช่ เจอหมายฉ้อโกง
- เปิด 7 ข้อหา ทนายตั้ม หน้าซีด โกงเจ๊อ้อย 100 ล้าน ลุ้นคนโดนคดีเพิ่ม
- สายหยุด เผย ทนายตั้มติดคุกกี่ปี ? ถ้าสู้คดีเงิน 71 ล้าน แล้วแพ้
ข่าวล่าสุด
