ข่าว

เตือน โนโรไวรัส ระบาดหนัก แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไม่ได้ ต้องล้างมือด้วยสบู่เท่านั้น

กรมควบคุมโรค เปิดสถิติผู้ป่วยอุจจาระร่วง จากเชื้อ ‘โนโรไวรัส’ เน้นย้ำวิธีป้องกันโรค แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไม่ได้ ต้องใช้สบู่ล้างมือเท่านั้น

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง “ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ปลอดโรคและภัยสุขภาพ” รายงานถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน / อาหารเป็นพิษ จากเชื้อโนโรไวรัส

Advertisements

จากสถิติผู้ป่วยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 – 2567 พบผู้ป่วยตรวจพบเชื้อโนโรไวรัส จี 1 และ จี 2 จำนวน 729 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 0 – 4 ปี คิดเป็นอัตรา 21.6 % รองลงมา คือ อายุระหว่าง 15 – 24 ปี เป็นอัตรา 20.9 % และสุดท้ายเป็นผู้ป่วยระหว่างอายุ 5-9 ปี คิดเป็น 20.5 %

‘โนโรไวรัส’ เป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย มีความทนทานต่อความร้อน และ น้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี โดยทำให้เกิดโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลันที่รุนแรงได้ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าวัยอื่น คนส่วนใหญ่ที่ป่วยด้วยโรคโนโรไวรัสจะหายดีภายใน 1 – 3 วัน แต่ยังคงสามารถแพร่เชื้อไวรัสต่อได้ อีก 2 – 3 วัน

เชื้อโนโรไวรัสมักตรวจพบมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากสภาวะอากาศที่เย็น ทำให้เชื้อสามารถเจริญได้ดี ส่งผลให้อาหารและน้ำดื่มมีโอกาสปนเปื้อน ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวจึงมีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของการป้องกันโนโรไวรัส ทางกรมควบคุมโรคแนะนำว่า ควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด อย่างน้อย 20 วินาที เป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากแอลกอฮอล์ ไม่สามารถฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้ โดยล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหาร หรือประกอบอาหาร

รวมถึงรับประทานอาหารปรุงสุก หากเป็นอาหารค้างมื้อ ควรอุ่นอาหารให้ร้อนจัดก่อนรับประทานทุกครั้ง ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน ทำความสะอาดพื้นผิวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมคลอรีน และสำหรับเด็กที่ป่วยด้วยโนโรไวรัสควรหยุดเรียนเพื่อป้องกันกำรแพร่กระจายเชื้อ

Advertisements
สถานการณ์ผู้ป่วย โนโรไวรัส
ภาพจาก : hfocus

เปิดอาการ-การติดต่อ “โนโรไวรัส” และการรักษาโรค

โนโรไวรัสแพร่เชื้อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัส การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนโนโรไวรัส รวมถึงการสัมผัสวัตถุหรือพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนแล้วนำนิ้วที่ไม่ได้ล้างเข้าปาก โดยระยะฟักตัวของเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 12 – 48 ชั่วโมง

อาการของผู้ติดเชื้อโนโรไวรัส แรกเริ่มจะมีอาการท้องเสีย อาเจียน คลื่นไส้ ปวดท้อง หรืออาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัว

สำหรับการรักษานั้น ขณะนี้ยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่จะเป็นการรักษาตามอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทดแทนของเหลวที่สูญเสียไปจากการอาเจียนและท้องเสีย ทั้งยังจะช่วยป้องกันการขาดน้ำได้อีกทางหนึ่ง

กรมควบคุมโรค แถลงเรื่องโรคโนโรไวรัส
ภาพจาก : hfocus

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button