ปตท. ฟ้องแน่ แถลงโต้ ข่าวลือโจมตีธุรกิจ ผู้บริหารเสียหาย
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีมีข่าวลือในสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาว่ามีธุรกรรมทางธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในกลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. รวมถึงบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ OR
ในแถลงการณ์ ปตท. ระบุว่า ข่าวลือดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด โดยเนื้อหาข่าวอ้างถึงการที่ตัวแทนของกลุ่มบุคคลภายนอกได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทเครือข่ายของ ปตท. เพียง 100 หุ้น เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการเข้าถึงข้อมูลภายใน และกล่าวหาเกี่ยวกับธุรกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท
แถลงการณ์ระบุว่า “ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่าการสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนเชื่อว่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (“OR”) (รวมเรียกว่า “ผู้บริหารฯ”) เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ถึงลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดูว่าโหลดหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ปตท. ขอเรียนชี้แจงดังนี้
1. ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากการที่มีตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่เจตนาไม่สุจริต โดยได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทในเครือของ ปตท. เพียง 100 หุ้น เพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาล โดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ปตท. บริษัทในเครือ ปตท. และผู้บริหารฯ
2. ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับฟ้องดังกล่าวและกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด
3. ปตท. เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด โดยกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตดังกล่าวได้ยื่นเรื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อ ปตท. ให้ ปตท. ตรวจสอบในปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ ปตท. และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนในเครือ ปตท. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวมาแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง ธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจตามปกติ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งหมดของ OR และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)
4. การกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะเป็นการกระทำที่มีเป็นประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ ปตท. กลุ่มบริษัทในเครือของ ปตท. และผู้บริหารฯ ผ่านกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใส และเจตนาแอบแฝง เช่น การเรียนรู้เผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็น “บัญชีอวตาร” ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดูว่าโหลดหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย
5. ปตท. อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของกลุ่ม ปตท. ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่ได้รับและหลีกเลี่ยงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่อาจมีเนื้อหาข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อกลุ่ม ปตท. และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
ท้ายนี้ ปตท. ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น