คลัง แจงชัด ผู้ถูกตัดสิทธิดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ได้แก่ ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ชวดเงินรอบนี้เตรียมลงทะเบียนรอบผู้ไม่มีมือถือ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้า ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 เตรียมเสนอข่าวดีแจกเงิน 10,000 บาทให้ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มแรก โดยจะพิจารณาหารือข้อสรุปที่แน่ชัดอีกครั้ง ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ 19 พ.ย.นี้ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าแจกเงินหมื่นเป็นเงินสด
ใครถูกตัดสิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ปีหน้า?
หลังจากเผ่าภูมิได้แถลงการณ์เบื้องต้นถึงเกณฑ์ของผู้มีสิทธิรับเงินต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง ส่งผลให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าท่านถูกตัดสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ปีหน้าหรือไม่ โดยเจ้าตัวออกมายืนยันแล้วว่าผู้ที่ถูกตัดสิทธิรับเงินดิจิทัลปี 2568 ได้แก่ ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ และ บุคคลในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
1. บุคคลที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
2. บุคคลที่มีรายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และมีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
3. มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ได้แก่ เงินฝากกระแสรายวัน, เงินฝากออมทรัพย์, เงินฝากประจำ, บัตรเงินฝาก และใบรับฝากเงิน
รวมทั้งเป็นบุคคลต้องห้ามที่กระทรวงการคลังกำหนด ประกอบด้วย ผู้ที่ฝ่าฝืน ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ และผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
สำหรับผู้ที่ถูกตัดสิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท อย่าเพิ่งเป็นกังวลไป เพราะรัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งในรอบผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยจะแจ้งวันเปิดลงทะเบียน เอกสารที่ต้องใช้ยืนยันตัวตน รูปแบบการแจกเงิน และรายละเอียดอื่น ๆ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเล็งเห็นว่าต้องช่วยผู้สูงอายุที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากมีรายได้น้อยกว่ากลุ่มอื่น และคาดการณ์ว่ามีผู้ได้รับสิทธิจำนวนไม่มากเท่ากลุ่มเปราะบางในเฟสแรก หากแผนการดังกล่าวผ่านการพิจารณาจะสามารถดำเนินการได้ไม่ยากนัก
สำหรับผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินตามคุณสมบัติที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับเงินในช่วงปลายปี 2567 ถึง ต้นปี 2568 โดยนายเผ่าภูมิยืนยันว่าผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 จะได้รับเงิน 10,000 บาทอย่างแน่นอน โดยรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณฯ ไว้แล้วจำนวน 1.8 แสนล้านบาท
ส่วนเงื่อนไขการแจกเงินและช่วงเวลาการแจกเงินนั้นต้องรอที่คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาและชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังการประชุมวันที่ 19 พ.ย.นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง