โหดเกินเด็ก นร.หญิงวัย 15 วางแผนฆ่าคู่พ่อลูก ยืนดูร่างหมดลมหายใจหลังหน้าต่าง
ตำรวจคุมตัวเด็กนักเรียนหญิงวัยแค่ 15 ปี หลังวางแผนฆ่าคู่พ่อลูก ให้คนร้ายแทง 11 แผล ก่อนดูร่างหมดลมหายใจอยู่หลังหน้าต่าง
เหยื่อเคราะห์ร้ายในเคสนี้มีชื่อของ แกรี่ เบลฟิลด์ อายุ 40 ปี เสียชีวิตหลังถูกแทง 11 ครั้ง จากการที่คนร้ายสวมหน้ากาก 2 คนบุกเข้ามาในห้องนั่งเล่น ขณะที่ ลุค วิลเลียมส์ อายุ 21 ปี ลูกชายของเขา ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแผลด้วยเช่นกัน
อัยการที่ศาลนิวคาสเซิลกล่าวหาว่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นชายวัย 17 ปีสองคน แต่มีการวางแผนโดยเด็กหญิงวัย 15 ปี โดยเธอวางแผนให้เกิดการโจมตีด้วยการแทงเหยื่อทั้งสองคน และยืนมองผ่านหน้าต่างบ้านของพวกเขาในขณะเกิดเหตุ
รายงานระบุว่าผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า เลอันโดร เปเรซ ที่ปัจจุบันอายุ 18 ปี พร้อมกับผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ยังเป็นเยาวชนจึงไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ โดยทั้งสามคนปฏิเสธข้อหาฆาตกรรมและพยายามฆาตกรรม
ขณะที่อัยการ ปีเตอร์ มูลสัน ได้แจ้งต่อคณะลูกขุนว่า เด็กสาววัย 15 ปีรู้จับคนที่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับเหยื่อทั้ง 2 คน ก่อนที่จะบอกให้พวกเขาทำร้ายทั้งสองคน
นอกจากนี้ คณะลูกขุนยังได้รับฟังข้อมูลเพิ่มอีกว่า เด็กสาวคนดังกล่าวพูดหลังเกิดเหตุว่าเธอมองดูเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านหน้าต่าง แถมยังบอกอีกด้วยว่าเหยื่อถูกแทงที่บริเวณศีรษะ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าตัวของ วิลเลียมส์ วิ่งหนีเพื่อไปขอความช่วยเหลือ พร้อมกับบรรยายสภาพของเขาแบบไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
อัยการมูลสันได้กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่เด็กสาวที่พูดจาโอ้อวดหรือพูดเรื่องเพ้อฝัน มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เธอพูดสิ่งเหล่านั้น และในความเป็นจริงพวกเขาถูกแทงในเวลาที่เธออยู่นอกบ้าน”
คณะลูกขุนได้รับฟังว่านายวิลเลียมส์ได้วิ่งออกมาจากบ้านในเฟลลิง เกตส์เฮด ในสภาพมีเลือดไหลและบาดเจ็บ ไปยังอู่ซ่อมรถใกล้ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ตัวเองและพ่อของเขาเมื่อวันที่ 27 เมษายน ขณะที่พนักงานคนหนึ่งได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ และได้บอกว่า ลุค วิลเลียมส์ เซเข้ามาในอู่พร้อมกับตะโกนว่า “ช่วยผมด้วย พวกเขากำลังจะตามผมทัน”
มูลสัน ได้เพิ่มเติมอีกว่า “เขาสังเกตเห็นว่านายวิลเลียมส์มีเลือดเปื้อนทั่วตัว ดูหนาวสั่น ตัวสั่น และยืนไม่มั่นคง”
“ที่จริงแล้วเขาเพิ่งถูกโจมตีโดยคนที่ถืออาวุธมีด และการตรวจร่างกายของนายวิลเลียมส์ในภายหลังพบว่าเขามีบาดแผลถูกแทงที่ข้อศอกซ้าย สองแผลที่หลังไหล่ หนึ่งแผลที่หลังส่วนล่างซึ่งมีความเสียหายถึงกระดูกสันหลัง และบาดแผลจากของมีคมที่แก้มบนด้านซ้าย”
“เขายังมีบาดแผลจากของมีคมหลายแห่งที่มือซ้ายและหนึ่งแห่งที่มือขวา วิลเลียมส์เล่าต่อว่าเขาเพิ่งวิ่งหนีออกมาจากบ้านหลังจากถูกโจมตีและถูกแทงภายในบ้าน”
“วิลเลียมส์กล่าวว่าเขาเป็นห่วงพ่อของเขา ซึ่งยังคงอยู่ในบ้านตอนที่เขาหนีออกมาได้ เขายังกังวลว่าคนที่โจมตีเขาอาจยังอยู่ในที่เกิดเหตุ”
ทางด้านศาลได้รับฟังว่า ตำรวจได้ไปที่บ้านที่เกิดเหตุโจมตี และเพิ่มเติมว่า ‘พวกเขาพบนายเบลฟิลด์ พ่อของนายวิลเลียมส์ นอนอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาดูซีด ไม่ตอบสนอง และไม่หายใจ”
“เขามีเลือดเปื้อนทั่วตัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาถึงสังเกตเห็นว่าเขามีบาดแผลถูกแทงหลายแห่งที่หลังส่วนบนและส่วนล่าง ที่ใบหน้า และที่แขน”
“บาดแผลเหล่านั้นยังคงมีเลือดไหลอยู่ ตำรวจได้พยายามปฐมพยาบาลเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินก็มาถึงทางรถพยาบาลและเข้ามาทำการรักษาต่อ”
“น่าเสียดายที่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ของทุกฝ่ายในการช่วยชีวิตเขา แต่เจ้าหน้าที่รถพยาบาลก็ต้องประกาศการเสียชีวิตของเขาในสถานที่ที่ตำรวจพบตัว นั่นคือในห้องนั่งเล่น”
ศาลได้รับผลการชันสูตรศพ ระบุว่า เบลฟิลด์มีบาดแผลถูกแทงที่ศีรษะ ใบหน้า ต้นขา ฝ่าเท้า และแขนท่อนบนทั้งสองข้าง
เขามีบาดแผลถูกแทงที่หลัง 5 แห่ง ซึ่งทำให้กระดูกซี่โครง ปอด และตับเสียหาย และบาดแผลที่ต้นขาได้ทำลายเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำสำคัญ นายเบลฟิลด์ยังมีรอยช้ำที่ตาทั้งสองข้างด้วย
นายวิลเลียมส์แจ้งตำรวจว่าเขาและพ่อไปดื่มที่ผับประมาณครึ่งชั่วโมงในคืนนั้น จากนั้นกลับบ้านพร้อมกับปลาและมันฝรั่งทอด
เขาเล่าว่าหลังจากที่พวกเขากินเสร็จและวางแผนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง พวกเขาก็ถูกโจมตีโดยคนร้ายสวมหน้ากาก โดยมูลสันกล่าวว่า “วิลเลียมส์อยู่ข้างหน้าพ่อของเขาในเส้นทางที่จะออกจากบ้าน”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อวิลเลียมส์มาถึงประตูห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับทางเดิน เขาเห็นชายสองคนในทางเดิน คนหนึ่งเข้ามาหาวิลเลียมส์และตีที่ใบหน้าเขา วิลเลียมส์เล่าว่าจากนั้นเขาถูกแทงที่แขนท่อนบนและด้านบนซ้ายของลำตัว วิลเลียมส์หันหลังหนีและถูกแทงที่หลัง”
นอกจากนี้ ศาลยังได้รับข้อมูลว่า วิลเลียมส์เขาพยายามแย่งมีดจากผู้โจมตีในขณะที่กำลังถูกแทง
มูลสัน ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในขณะที่การโจมตีนายวิลเลียมส์กำลังดำเนินอยู่ เขาเห็นชายคนที่สองกำลังแทงพ่อของเขาซ้ำๆ วิลเลียมส์จำได้ว่าพ่อของเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น และพ่อของเขานอนอยู่บนพื้นยกแขนและขาขึ้น พยายามหลบการถูกแทงที่ศีรษะและลำตัว”
“วิลเลียมส์จำต้องทิ้งพ่อไว้ในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายเพิ่มเติมและเพื่อไปขอความช่วยเหลือ’ ศาลได้รับฟังว่าขณะที่ วิลเลียมส์วิ่งไปขอความช่วยเหลือ เขาสังเกตเห็นเด็กสาววัยรุ่นอยู่ด้านนอก”
“ฝ่ายอัยการเห็นว่าการที่เธออยู่ด้านนอกบ้านไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเธอมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการโจมตีครั้งนี้ เมื่อวิลเลียมส์เดินผ่านเธอ เขาถามว่า ‘เธอกำลังทำอะไรอยู่’ แต่เธอไม่ตอบอะไร”
“เป็นจุดยืนของฝ่ายอัยการว่า แม้เธอจะไม่ได้เข้าไปในบ้านของวิลเลียมส์ แต่อัยการเห็นว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของแผนร่วมกันที่จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสอย่างน้อยที่สุดต่อวิลเลียมส์และเบลฟิลด์ และด้วยการจัดการการโจมตีครั้งนี้ของเธอ เราเห็นว่าเธอมีความผิดเท่ากับชายสองคนที่เข้าไปในบ้านพร้อมอาวุธ”
ฟรานซิส ฟิตซ์กิบบอน KC ทนายฝ่ายจำเลยของเด็กสาววัยรุ่น กล่าวว่าเธอปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง และบอกกับคณะลูกขุนว่า “เราขอชี้แจงว่าไม่มีแผนการใดๆ และถ้ามีจริง เธอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย” คณะลูกขุนได้รับฟังว่าจำเลยชายทั้งสองคนปฏิเสธเจตนาที่จะใช้ความรุนแรง
อ้างอิง : www.mirror.co.uk
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง