ส่องชีวิต ‘ซู หลิววี่’ เด็กอัจฉริยะ เข้ามหาลัยตอน 10 ขวบ ปัจจุบันทำอาชีพนี้
เปิดชีวิตปัจจุบัน ‘ซู หลิววี่’ เด็กอัจฉริยะ ผู้เรียนจบชั้นประถมใน 2 วัน และสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้ตั้งแต่ 10 ขวบ ล่าสุดทำอาชีพนี้
ย้อนกลับไปในปี 2010 เด็กชายวัย 10 ขวบ นามว่า ซู หลิววี่ ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศ ด้วยการเข้าสอบ Gaokao รูปแบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศจีน และท่ามกลางผู้เข้าสอบที่เป็นนักเรียนมัธยมปลาย เด็กชายผู้นี้คว้าคะแนนอันน่าทึ่งไปได้มากถึง 566 คะแนน ซึ่งได้ทำให้หนุ่มน้อยสอบติดมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคใต้ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และนับแต่นั้นมาทุกคนจึงขนานนามให้เขาเป็น “เด็กอัจฉริยะ”
เส้นทางอัจฉริยะ เหนือเด็กทั่วไป
‘ซู หลิววี่’ เกิดปี 2000 ณ เมืองไท่อัน มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน เขาแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ตั้งแต่ยังเล็ก โดยในปี 2007 ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เขาใช้เวลาเรียน เพียง 2 วันครึ่งก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ทั้งหมด จนครูต้องแจ้งผู้ปกครองให้พาเขาไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียน Bowen Middle School ขณะอายุได้เพียง 7 ขวบ
ระหว่างศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เขาคว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันวิชาการ “Bowen Cup” และจบหลักสูตรมัธยมต้นทั้งหมด ด้วยความสามารถอันโดดเด่น ทางโรงเรียนจึงแนะนำให้เขาเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย และ 1 ปีต่อมา เขาก็สำเร็จการศึกษา พร้อมเข้าสอบ Gaokao ในปี 2010 และได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคใต้ (Southern University of Science and Technology)
ชีวิตมหา’ลัย ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ซู หลิววี่ เป็นเด็กน้อยที่อัจฉริยะเกินเพื่อนรุ่นเดียวกันไปมาก ทำให้บ่อยครั้งต้องย้ายชั้นเรียน หรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการเรียนแบบกระทันหัน และแน่นอนว่าสภาพแวดล้อมในรั้วมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งที่หนักหนาที่สุดของเด็กชายวัย 10 ขวบ
เมื่อไม่มีเพื่อนเพราะอายุต่างกันมากเกินไป นานวันเข้าความสนใจในการเรียนก็ย่อมลดน้อยลงตามไปด้วย เด็กน้อยไม่รู้ว่าควรจะพึ่งพาใคร หรือขอความช่วยเหลือจากใคร และสุดท้ายเด็กชายก็เริ่มวอกแวกในชั้นเรียน บางครั้งก็เผลอหลับไปในห้องบรรยาย และดูเหมือนจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับวิธีการถ่ายทอดความรู้ของครูได้
หลังจาก ซู หลิววี่ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ไม่นาน พ่อแม่ก็พาเด็กน้อยลาออก ซึ่งข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชน หลาย ๆ คนสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กอัจฉริยะผู้นี้ลาออก และแม้ทางมหาวิทยาลัยและผู้ปกครองจะออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการลาออก โดยอ้างว่า ซู หลี่อวี่ แค่กลับบ้านเพื่อปรับตัวเพราะยังเด็กเกินไปที่จะรับมือกับชีวิตมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กลับไปเรียนต่ออยู่ดี
อย่างไรก็ดี ทุกคนคาดว่าบางทีอุปสรรคของ ซู หลี่อวี่ อาจไม่ใช่เรื่องการเรียน แต่เป็น “ความสัมพันธ์” ในรั้วมหาวิทยาลัยที่ซับซ้อน ซึ่งนี่ก็ได้กลายเป็นประเด็นที่สังคมยังคงถกเถียงกันถึงวิธีการปลูกฝัง “เด็กอัจฉริยะ” อย่างถูกต้อง เพราะแม้จะมีสติปัญญาอันชาญฉลาด แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก
หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นตามเวลา แต่น่าเศร้าที่สติปัญญาอัจฉริยะของเขาไม่ได้พัฒนารวดเร็วอย่างเช่นตอนเด็กอีกต่อไป
ถึงอย่างนั้น ปัจจุบันชีวิตของ ซู หลิววี่ ก็กลับมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็นตามวัยแล้ว และขณะนี้เขาก็ทำงานให้กับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในท้องถิ่น
เคล็ดลับการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ ซู หลี่อวี่
ครั้งหนึ่งแม่ของซู หลี่อวี่ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “พ่อแม่ไม่ควรตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปให้ลูก แต่ควรให้เขาเลือกสิ่งที่ชอบ และไม่ควรใช้ความคิดแบบผู้ใหญ่ไปตีกรอบลูก”
ขณะที่ ดร. หลี่ เจิ้นซี ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา กล่าวว่า การเลี้ยงลูกควรให้อิสระ ไม่จำเป็นต้องบังคับให้ลูกต้องแข่งขันเอาอันดับ และสิ่งสำคัญคือการสร้างทัศนคติที่ดี และความมั่นใจให้กับลูก
นอกจากนี้พ่อแม่ก็ควรฝึกความเป็นตัวของตัวเองให้ลูก สอนให้ช่วยเหลือตัวเองและปลูกฝังนิสัยที่ดี ทั้งในการเรียน และการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต
บทสรุป สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่
เรื่องราวของ ‘ซู หลี่อวี่’ ได้สะท้อนให้เห็นว่า ความอัจฉริยะไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิต การเลี้ยงดูที่มุ่งเน้นพัฒนาการทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย และจิตใจต่างหากที่จะช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพ และมีความสุขในแบบของตัวเอง
ข้อมูลจาก SOHU
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง